อรุณสวัสดิ์เช้าวันหยุดที่ฝนโปรยปราย วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา หลายคนคงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารของคาว
หวานไปทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าพระสงฆ์ แต่บางคนอาจตื่นสายสักหน่อย เช่น
เราเป็นต้น ตื่นมาทีเจ็ดโมงกว่าแล้ว(แถมมีนอนต่ออีก) จะไปตักบาตรที่วัดก็คงไม่ทันแล้ว ก็แหมนะ
วันหยุดทั้งทีแถมบรรยากาศเย็นๆสบายๆ สายฝนโปรยปราย เสียงฝนกระทบหลังคาเบาๆเป็นดนตรีกล่อมแบบนี้
ยิ่งอยากนอนหลับซุกผ้านวมอุ่นๆอยู่บนเตียง ถึงจะรู้สึกตัวตื่นก็ไม่อยากลุกอยู่ดี การนอนโง่ๆบนเตียงในวันหยุดแบบนี้เป็นอะไรที่มีความสุขมากๆเลยล่ะ
เห็นด้วยไหม^^
แต่ถึงจะอย่างนั้น ก็นอนได้ซักพักใหญ่ๆเท่านั้นแหละ พอฝนซาก็อดลุกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าไม่ได้อยู่ดี
ยิ่งอยู่ในแถบชนบทแบบนี้ อากาศดีมากๆเลยนะ ไม่มีเสียงรถวิ่งวุ่นวาย ไม่มีมลพิษ มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า
ธรรมชาติรอบตัว เราว่าเรารู้สึกตื่นเต็มตัวแล้วล่ะ สำหรับคนที่ตื่นแล้วเหมือนกัน ไม่รู้จะทำอะไรดีในวันหยุดนี้
เรามีกิจกรรมดีๆมาฝาก...
วันหยุดอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางศาสนาทั้งที กิจกรรมวันนี้ขอเน้นแบบเบาๆ
แล้วได้บุญไปในตัวเนอะ^^
กิจกรรมแรก วันพระ ถ้าไม่แนะนำให้ไปวัดก็กระไรอยู่ จ้า ตามนั้นแหละ
อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะคะเพื่อนๆ แล้วไปวัดกัน เราเน้นคำว่าเรียบร้อยนะ
ถึงปกติจะเปรี้ยวจี๊ดอะไรแค่ไหน ถ้าไปวัดก็ควรเคารพสถานที่
และให้เกียรติตัวเองด้วยนะ สำหรับวัดที่ไปก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน บางคนมีพระที่เคารพศรัทธาอยู่แล้ว
อยากไปกราบท่านก็ไป บางคนสะดวกวัดไหน อยู่ใกล้วัดไหนก็ไปวัดนั้นก็ได้จ้า แค่เตรียมของคาวหวานไปถวายภัตตาหารเพลพระ(ถ้าไปทันสิบเอ็ดโมง)
เตรียมผ้าอาบน้ำฝน ประทีปโคมไฟ จตุปัจจัยไทยธรรม แล้วแต่กำลังศรัทธาของแต่ละบุคคล ถ้าอยู่ใกล้แหล่งน้ำสะอาด
โดยเฉพาะเขตอภัยทาน อาจจะแวะไปซื้อปลา
เต่าจากตลาดมาปล่อย หรือร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือกับทางวัดต่างๆก็ได้จ้า
ทำบุญด้วยใจบริสุทธิ์ยิ่งได้บุญเท่าทีวีคูณนะ
กิจกรรมต่อมา ถ้าอยู่ใกล้มูลนิธิ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
แนะนำให้ลองไปดู ถ้าไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆอาจรวบรวมเงินกันซื้ออาหาร ขนม สมุด ปากกา
ดินสอ หนังสือ หรือของใช้จำเป็นไปบริจาคให้น้องๆ ค่ะ สำหรับใครที่ไม่มีเพื่อน
ก็ไปได้นะ สมัยเราอยู่กรุงเราบินเดี่ยวไปประจำ นานๆทีเพื่อนถึงจะว่างไปด้วย
แรกๆอาจจะกลัวสักหน่อย แต่เดี๋ยวก็ชินเอง เราเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แรกๆที่ไปนี่สารภาพเลยเพราะว่างมาก
และก็ทรัพย์จางเกินกว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ บวกกับอ่านนิยายเจอฉากเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี
นางเอกเป็นอาสาแบบนี้ไง ฉันก็อยากเป็นบ้าง ฮ่าๆๆ (เหตุผลนี่ดูสาระมาก^^)
แต่จะเพราอะไรก็ตามแต่ สุดท้ายเราก็แวะไปสอนการบ้านน้องๆโรงเรียนคนตาบอด แรกๆก็เงอะๆงะๆแหละ แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี แถมสุขใจด้วย ความจริงสมัยเรียนก็เคยไปบ้านเด็กกำพร้ามาบ้าง ยิ่งได้ไปแบบนี้ ยิ่งรู้สึกได้ว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาปกติ โชคดีแค่ไหนที่มีครอบครัวอบอุ่น การไปทำกิจกรรมไปช่วยน้องๆแบบนี้ นอกจากเราได้ช่วยเขาแล้ว เรายังช่วยให้กำลังใจตัวเองไปในตัว ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น มองโลกกว้างขึ้น พยายามเข้าใจคนอื่นมากขึ้นตามไปด้วย เวลาที่ได้ช่วยคนอื่นมันรู้สึกเหมือนตัวเองมีค่ามากเลยนะ เหมือนเป็นฮีโร่อะไรแบบนั้น ฮ่าๆๆ อาจจะฟังดูเวอร์ไปหน่อย แต่นี่คิดจริงๆนะ^^ แต่วันหยุดแบบนี้โรงเรียนคนตาบอด เด็กๆน่าจะกลับบ้านกัน ลองแวะไปบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านพักคนชราดูนะคะ ถ้าเราอยู่ใกล้เหมือนแต่ก่อนนี่คงไปเหมือนกัน ลองไปดูนะคะ
แค่สองกิจกรรม บวกกับเวลาที่นอนโง่ๆอยู่บนเตียงพักใหญ่ๆตอนเช้า ก็คงหมดวันพอดี
ตอนเย็นๆก็อาจจะไปร่วมเวียนเทียนระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยที่วัด
จบทริปบุญวันแรกอย่างชิวๆ ส่วนถ้าใครมีเวลาว่างบวกมันนี่(อันหลังนี่สำคัญมาก) อาจจะแวะเวียนไปเที่ยวต่างจังหวัด พักกายพักใจไปกับธรรมชาติ ถ้ามีเวลาจะแวะมาแนะนำนะจ๊ะ เก้าโมงกว่าแล้ว ควรแก่เวลาลุกไปอาบน้ำทำตามโปรแกรมวันนี้สักที ขอให้มีความสุขในวันหยุด เดินทางปลอดภัย ไปไหนก็มีแต่ความสุขนะคะ
จบทริปบุญวันแรกอย่างชิวๆ ส่วนถ้าใครมีเวลาว่างบวกมันนี่(อันหลังนี่สำคัญมาก) อาจจะแวะเวียนไปเที่ยวต่างจังหวัด พักกายพักใจไปกับธรรมชาติ ถ้ามีเวลาจะแวะมาแนะนำนะจ๊ะ เก้าโมงกว่าแล้ว ควรแก่เวลาลุกไปอาบน้ำทำตามโปรแกรมวันนี้สักที ขอให้มีความสุขในวันหยุด เดินทางปลอดภัย ไปไหนก็มีแต่ความสุขนะคะ