วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานไออุ่น: โมบายกับสายลม



'กรุ๊งกริ๊งๆ' เสียงกระดิ่งโมบายดังกังวานยามถูกสายลมพัดผ่าน เสียงกังวานเพราะๆ ชวนให้ยิ้มละไมนั้น เป็นเสียงของเจ้าโมบายทักทายสายลมนั่นเอง

"สวัสดีสายลม"

"สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะโมบาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"...

"เราสบายดี เจ้าล่ะ"

"สบายดีเช่นกัน ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกนะ แต่เราคงต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะโมบาย" สายลมส่งยิ้มให้โมบาย ก่อนจะพัดผ่านไป ฝ่ายโมบายก็ได้แต่ระบายยิ้มส่งให้ตามหลัง

แม้โมบายกับสายลมจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพราะสายลมต้องพัดพาความเย็นให้โมบายอันอื่น คนอื่นๆ ด้วย แต่ทั้งสองก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ...

ในความสัมพันธ์ของคนเราเช่นกัน แม้จะเป็นคนรัก เป็นเพื่อน เป็นคนสำคัญแค่ไหน แต่ทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งนั้

โมบายไม่สามารถให้สายลมหยุดนิ่งอยู่กับตนเองตลอดเวลาได้ฉันใด เราก็ไม่สามารถให้ใครมาอยู่กับเราได้ตลอดเวลาฉันนั้น

แต่อย่างน้อยๆ เราก็รู้ว่ายังมีกัน มีใครบางคนให้ยิ้มได้ในเวลาที่พบเจอ เวลาที่คิดถึง

บางทีความรู้สึกธรรมดาๆ แบบนี้ มันก็อบอุ่นใจดีเหมือนกันนะ^^

#นิทานไออุ่น เรื่องที่ 6 #โมบายกับสายลม

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเดินทาง...


ว่ากันว่าชีวิตคือการเดินทา
ไปเที่ยว ไปทำงาน ไปเยี่ยมญาติ ไปในที่ต่างๆที่อยากไป หรือบางครั้งก็จำเป็นต้องไป

และในหลายๆ ครั้งของเดินทางเรามักจะเจอเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอ รถเสีย น้ำมันหมด ที่พักไม่มี และอีกมากมาย

แน่ล่ะ การเดินทางอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เพราะการเดินทางไม่ใช่หรือ เราถึงได้พบสถานที่สวยๆ มิตรภาพดีๆ ศิลปวัฒนธรรมหลากหลาย หากเราไม่ออกเดินทาง ไหนเลยจะได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้

บางทีตอนนี้อาจมีเรื่องราวดีๆ รอเราอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ อยู่ที่เราพร้อมจะก้าวเท้าออกเดินทางหรือไม่ เท่านั้นเอง

#การเดินทาง #สถานีไออุ่น

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความสุขรอบกองไฟ


เสียงคุยสนุกสนาน ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝัน
แม้จะอยากซุกตัวในผ้านวมอุ่นๆต่อแค่ไหน 
แต่เสียงหัวเราะสดใสเหล่านั้นก็ดึงความสนใจของฉันได้ไม่น้อยเลย
ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เอื้อมมือไปคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ 
ก่อนจะก้าวเดินตามเสียงเหล่านั้นไป

“ขอหนูนั่งด้วยคนนะคะ”
“ได้สิจ้ะ” คุณป้าข้างบ้านเอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“กินอะไรมาหรือยังล่ะแม่หนู
“ยังเลยค่ะ หนูเพิ่งตื่น”
“งั้นรอครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวมันที่ลุงเผาไว้ก็สุกแล้ว มันบ้านนอกเราน่ะ อร่อยนะ หนูไปอยู่ที่อื่นตั้งหลายปีคงไม่ค่อยได้กิน” คุณลุงบอกกับฉันอย่างใจดี

นั่นสินะ หลายปีแล้วที่ครอบครัวของฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น
ช่วงวัยเด็กของฉันที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้สนิทกับใครมากนัก
เพราะมักจะถูกส่งไปเรียนพิเศษในเมืองในช่วงวันหยุดเสมอ...

“ป้าก็ทำข้าวจี่ไว้ด้วยนะ ฝีมือป้าอร่อยมากเลยล่ะหนูเอ้ย”
เสียงคุณป้าปลุกฉันออกจากภวังค์
“โม้แล้วแม่น่ะ”
“แต่พ่อก็กินหมดตลอดไม่ใช่เหรอ” คุณป้าเอ่ยแซว ฝ่ายคุณลุงก็ได้แต่อมยิ้มและเงียบไป คงจะจริงอย่างคุณป้าว่า
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวนี้

บทสนทนารอบกองไฟของเราดำเนินไปเรื่อยๆ
เรื่องของฉันบ้าง คุณลุงคุณป้าบ้าง เรานั่งคุยกันไป กินมันเผาและข้าวจี่ร้อนๆไป

ตอนเด็กๆ ฉันเคยสงสัยว่าทำไมเพื่อนบ้านหลายๆครอบครัวถึงชอบมานั่งผิงไฟตอนเช้าแบบนี้ ทั้งๆที่ผ้านวมอุ่นๆ ก็มี
จนวันนี้ ตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วล่ะ...

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุขรอบกองไฟต่างหากคือ เหตุผลที่หลายๆ คนยังคงผิงไฟอยู่ แม้การซุกตัวใต้ผ้านวมในห้องจะอุ่นแค่ไหน ก็คงไม่อุ่นใจเท่ากับการได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ความรู้สึกแบบนี้มันอุ่นยิ่งกว่าอุ่นเสียอีก

และฉันก็ได้ค้นพบอีกอย่างว่า มันเผาร้อนๆ กับข้าวจี่โรยเกลือธรรมดาๆ ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ^^

#นิทานไออุ่น #สถานีไออุ่น

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 6 แจกันดอกไม้


แจกันดอกไม้ ของประดับตกแต่งห้องชิ้นเล็กๆที่ให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจในเวลาที่มองเห็น 
ของที่มองดูเผินๆ เหมือนจะทำง่ายดาย
แน่ล่ะ การจัดดอกไม้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะจัดให้สวยงามก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

การจัดดอกไม้คงคล้ายๆกับการจัดสรรรูปแบบชีวิตของคนเรา
ดอกไม้เล็กใหญ่หลากหลายประเภทคงเปรียบได้กับเรื่องราวน้อยใหญ่ที่เราเลือกใส่เข้ามาในแจกันชีวิต

แน่นอนว่าดอกไม้ดอกใหญ่ เป้าหมายสำคัญ เป็นเรื่องที่ควรวางให้โดดเด่น เป็นหลักในแจกัน
แต่กระนั้นก็ไม่ควรใส่เยอะจนเกินไป จนทำให้แจกันดูแน่น อึดอัด ไม่สบายตา
คนที่จัดดอกไม้ได้สวยจึงมักจะเหลือช่องว่างให้ดอกไม้ดอกเล็กๆ ใบไม้ใบเล็กๆ 
เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เพื่อเพิ่มสีสัน เพิ่มความสวยงามให้กับแจกัน
เช่นเดียวกับคนเราที่ควรเหลือเวลาให้เรื่องเล็กๆได้มาสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขให้ชีวิตเราบ้า

เพราะบางทีปริมาณดอกไม้ดอกใหญ่ ปริมาณความสำเร็จมากมาย
อาจไม่ใช่ตัวบ่งบอกความสุข ความสวยงามของแจกันชีวิตเสมอไป

ลองหาวิธีจัดดอกไม้ให้เหมาะกับแจกันชีวิตของคุณดูนะคะ
เพราะแจกันชีวิตใบนี้ คงไม่มีใครจัดได้ดีเท่ากับตัวคุณเอง

#สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 6 #แจกันดอกไม้
#สถานีไออุ่น

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 5 พัดลม


“หนู ช่วยเปิดพัดลมให้ป้าหน่อยสิ” เสียงคุณป้าคนหนึ่งบอกกับฉัน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้พัดลมที่สุ
“ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับไป ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดพัดลมให้

ใบพัดที่หมุนวนไปมารอบแล้วรอบเล่าทำให้ฉันนึกบางอย่างขึ้นมาได้...

เจ้าพัดลมคงคล้ายๆกับพ่อแม่ของหลายๆคน
พัดสร้างความเย็นให้กับผู้อยู่ใกล้
เฉกเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่หาเงินมาให้ สร้างความสุขสบายให้ลูกๆ

แต่จะมีสักกี่คนที่สังเกตว่าตัวพัดลมเองก็ร้อนเต็มทน
เพราะพัดสร้างความเย็นให้ผู้อื่น
ทำให้ตัวเองต้องร้อนมากขึ้น ทำงานหนักมากขึ้น
พ่อแม่ก็คงเป็นเช่นนั้น เบื้องหลังของเงินที่ให้ลูกใช้อย่างสบาย
คือความเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะให้พัดลมได้พักบ้าง ปิดไว้บ้าง
หยิบจับมาทำความสะอาดบ้าง
เพื่อให้เจ้าพัดลมใช้งานไปได้นานๆ
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะใส่ใจดูแลพ่อแม่ของเราบ้าง
ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเยอะๆ ไม่จำเป็นต้องรอเวลาอะไร
แค่ทำอะไรเล็กๆให้ท่าน ดูแลท่าน
บีบนวดให้เวลาเหนื่อย หาน้ำท่าให้เวลากลับจากทำงา
เชื่อว่าแค่นี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจมากๆแล้ว

อย่าลืมใส่ใจท่านบ้างนะคะ
พัดลมทำงานหนักพังไป เรายังหาซื้อใหม่ได้
แต่พ่อแม่ของเราคงไม่มีใครมาแทนได้หรอกนะ

#สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 5 #พัดลม
#สถานีไออุ่น
ปล. ควันหลงจากวันพ่อ สิ่งของชิ้นนี้เลยสื่อถึงพ่อแม่ค่ะ^^
ปล 2. ขอบคุณภาพประกอบจาก cat-lover-club.exteen.com
ปล 3. แนะนำเค้าได้นะ จะได้ปรับให้ดีขึ้นในงานต่อๆไปค่ะ

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ของขวัญจากพ่อ...


กล่องของขวัญสีน้ำตาลเข้มกล่องหนึ่งถูกส่งให้ชายหนุ่มในวันจบชั้นมัธยมศึกษา

"ดีใจด้วยลูก ของขวัญชิ้นนี้พ่อเก็บเงินตั้งนานกว่าจะซื้อได้ หวังว่าลูกจะชอบนะ" ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ากับกางเกงสีซีดจาง มีรอยประตามตัวหลายจุด เอ่ยกับลูกชายด้วยรอยยิ้ม

แต่ยังไม่ทันที่ลูกชายของเขาจะตอบกลับสิ่งใด เพื่อนๆ ของลูกก็เข้ามาเสียก่อน

"เฮ้ มาทำอะไรตรงนี้ ไปถ่ายรูปกันเถอะ แล้วนี่ใครน่ะ" เพื่อนๆของลูกชายเอ่ยถามขึ้

"สวัสดีเด็กๆ ฉันเป็น..."

"รีบไปถ่ายรูปกันเถอะ ขอตัวนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขัดจังหวะ แล้วรีบพาเพื่อนๆปลีกตัวออกไป 
ทิ้งให้ผู้เป็นพ่อยืนอยู่ลำพังเช่นนั้นพร้อมกับคำถามในใจ...
'หรือลูกจะอายที่มีพ่อจนๆแบบเขา'
ผู้เป็นพ่อได้แต่เฝ้าครุ่นคิด ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับความน้อยใจ

ชายวัยกลางคนเปิดกล่องของขวัญสีน้ำตาลเข้มกล่องนั้นด้วยความทะนุถนอม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินในทุกครั้งที่เห็นมัน ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตยี่ห้อดังตัวหนึ่งที่เขาเคยบอกพ่อว่าอยากได้ แม้จะรู้ว่าฐานะทางบ้านของเขาคงซื้อเสื้อยี่ห้อนี้ไม่ได้ แต่พ่อก็ซื้อมันให้เขาในวันจบการศึกษา ทั้งๆที่ตัวพ่อเองยังใส่เสื้อเชิ้ตตัวเก่าสีซีดจางตัวเดิมอยู่

แต่เพราะอายเพื่อนที่พ่อจน ที่พ่อแต่งตัวมอซอไปหา ทำให้เขารีบตัดบทแล้วปลีกตัวออกไป
ตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่ากลับบ้านค่อยไปขอโทษพ่อก็ได้ พ่อคงเข้าใจและให้อภัยเหมือนเดิม 
กลับบ้านไปค่อยขอโทษก็ยังไม่สาย

แต่...

มันก็สายเกินไป

ถ้าวันนั้นเขารู้สักนิดว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าพ่อ
ถ้าวันนั้นเขารู้สักนิดว่ารถคนนั้นจะพุ่งชนพ่อ เขาคงจะชวนพ่อไปถ่ายรูป ไปแนะนำกับเพื่อนๆ คงจะรั้งให้พ่ออยู่ด้วยนานๆ ไม่ให้เดินออกไปในเวลานั้น

ถ้าวันนั้นเขารู้ เขาคงจะไม่พูดแบบนั้น

ถ้าวันนั้นเขารู้...

ชายวัยกลางคนนั่งกอดเสื้อเชิ้ตในกล่องของขวัญพร้อมน้ำตาที่เอ่อไหลไม่หยุด อยากขอโทษ อยากกอด อยากพาพ่อไปเที่ยว อยากทำอะไรให้พ่อเหมือนลูกคนอื่นเขาทำในวันพ่อวันนี้ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว สายเกินไปแล้วจริงๆ

#ของขวัญจากพ่อ #สถานีไออุ่น

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

26 ตัวอักษรแห่งรัก ตัวที่ 2 S-Star


ในวันที่ท้องฟ้าเปิด อากาศเย็นสบายเช่นนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนอนรับลมเย็นๆ แล้วมองไปบนฟ้า ดูดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงระยิบระยับราวกับส่งยิ้มมาให้

ดาวดวงเล็กๆที่งดงามจับใจ และให้ความรู้ดีๆ ในทุกครั้งที่มองเห็น แม้จะจับต้องไม่ได้ เอามาครอบครองไม่ได้ แต่ก็สุขใจที่เป็นเช่นนี้

กับคนบางคนก็เป็นเช่นเดียวกับดวงดาว แค่ได้มองเห็น ได้ส่งยิ้มให้ไกลๆ เพียงแค่นี้ก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว อีโมติคอน smile

#26ตัวอักษรแห่งรัก ตัวที่ 2 S - Star
#สถานีไออุ่น

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตค่ะ^^