วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความสุขรอบกองไฟ


เสียงคุยสนุกสนาน ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝัน
แม้จะอยากซุกตัวในผ้านวมอุ่นๆต่อแค่ไหน 
แต่เสียงหัวเราะสดใสเหล่านั้นก็ดึงความสนใจของฉันได้ไม่น้อยเลย
ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เอื้อมมือไปคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ 
ก่อนจะก้าวเดินตามเสียงเหล่านั้นไป

“ขอหนูนั่งด้วยคนนะคะ”
“ได้สิจ้ะ” คุณป้าข้างบ้านเอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“กินอะไรมาหรือยังล่ะแม่หนู
“ยังเลยค่ะ หนูเพิ่งตื่น”
“งั้นรอครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวมันที่ลุงเผาไว้ก็สุกแล้ว มันบ้านนอกเราน่ะ อร่อยนะ หนูไปอยู่ที่อื่นตั้งหลายปีคงไม่ค่อยได้กิน” คุณลุงบอกกับฉันอย่างใจดี

นั่นสินะ หลายปีแล้วที่ครอบครัวของฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น
ช่วงวัยเด็กของฉันที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้สนิทกับใครมากนัก
เพราะมักจะถูกส่งไปเรียนพิเศษในเมืองในช่วงวันหยุดเสมอ...

“ป้าก็ทำข้าวจี่ไว้ด้วยนะ ฝีมือป้าอร่อยมากเลยล่ะหนูเอ้ย”
เสียงคุณป้าปลุกฉันออกจากภวังค์
“โม้แล้วแม่น่ะ”
“แต่พ่อก็กินหมดตลอดไม่ใช่เหรอ” คุณป้าเอ่ยแซว ฝ่ายคุณลุงก็ได้แต่อมยิ้มและเงียบไป คงจะจริงอย่างคุณป้าว่า
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวนี้

บทสนทนารอบกองไฟของเราดำเนินไปเรื่อยๆ
เรื่องของฉันบ้าง คุณลุงคุณป้าบ้าง เรานั่งคุยกันไป กินมันเผาและข้าวจี่ร้อนๆไป

ตอนเด็กๆ ฉันเคยสงสัยว่าทำไมเพื่อนบ้านหลายๆครอบครัวถึงชอบมานั่งผิงไฟตอนเช้าแบบนี้ ทั้งๆที่ผ้านวมอุ่นๆ ก็มี
จนวันนี้ ตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วล่ะ...

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุขรอบกองไฟต่างหากคือ เหตุผลที่หลายๆ คนยังคงผิงไฟอยู่ แม้การซุกตัวใต้ผ้านวมในห้องจะอุ่นแค่ไหน ก็คงไม่อุ่นใจเท่ากับการได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ความรู้สึกแบบนี้มันอุ่นยิ่งกว่าอุ่นเสียอีก

และฉันก็ได้ค้นพบอีกอย่างว่า มันเผาร้อนๆ กับข้าวจี่โรยเกลือธรรมดาๆ ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ^^

#นิทานไออุ่น #สถานีไออุ่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น