วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เส้นทางนักเขียน...


‘พี่จะเขียนเรื่อง 45 วันที่ฉันเป็นนักเขียน อยากชวนเราเขียนด้วย แล้วมาแลกกันอ่าน สนใจไหมคะ’
พี่สาวที่น่ารักเอ่ยถามเมื่อสองสามวันก่อน และแน่นอนเราตอบรับอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังไม่ได้ลงมือเขียนสักที จนวันนี้ ฤกษ์ดีมีชัยวันเสาร์อันแสนสุข ขอจับแล็ปท็อปคู่ใจมาบอกเล่าเรื่องราวในเส้นทางสายนี้ของเราบ้าง...

จุดเริ่มต้นที่มาสนใจด้านนี้ คงต้องเล่าย้อนไปช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เรามีโอกาสได้อ่านกระทู้หนึ่งในเว็บไซต์พันทิปโดยบังเอิญ เป็นกระทู้แนะนำอาชีพฟรีแลนซ์ที่สร้างรายได้เสริมของสมาชิกพันทิปท่านหนึ่ง ซึ่งต่อมาเรารู้จักเขาในชื่อ ‘บก.ฮีโร่ซัง’ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเข้ากลุ่มตลาดซื้อขายบทความ E-book กลุ่มติวเขียนบทความมืออาชีพ และกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม

ครั้งแรกที่เข้ากลุ่มก็เพราะอยากลองหารายได้เสริมตามหัวข้อกระทู้ แต่พอได้ลงมือเขียนจริงจัง ความรู้สึกว่าต้องหารายได้ก็ค่อยๆหายไปทีละนิด เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะเรามีงานประจำที่สร้างรายได้ให้อยู่แล้ว อาจไม่ได้มากมายนัก แต่ก็ไม่ถึงกับต้องดิ้นรนอะไร แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่สุดหรอก

เราคิดว่า เป็นเพราะเราเริ่มที่จะรักงานเขียนขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว การได้เขียน ได้บอกเล่าอะไรที่อยากเล่ามันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ ทำให้เรานึกย้อนไปช่วงวัยเยาว์ที่เคยเขียนอารัมภบทนิยายไว้มากมาย เพราะชอบอ่านนิยาย เลยอยากมีนิยาย มีหนังสือเป็นของตัวเองบ้าง(มโนเก่งมาตั้งแต่เด็กค่ะ^^) แต่นั่นแหละวัยนั้นมันมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะ ความรู้สึกอยากเขียน อยากมีหนังสือเลยพับเก็บไว้ตั้งแต่นั้นมา

คงต้องขอบคุณ บก.ที่จุดประกายความฝันเล็กๆนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่โดยตรงนัก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกระทู้ของ บก.
เราคงไม่ได้มาเขียนอะไรแบบนี้เป็นแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้น เราคงไม่ได้รับรู้ความรู้สึกสนุกเวลาเขียน ความรู้สึกปลื้มใจเวลามีคนเอ่ยชม ความรู้สึกเฟลนิดๆเวลามีคนติติง ความรู้สึกที่ว่าเราต้องเขียนให้ดีขึ้น ให้เก่งขึ้น...

ต้องขอบคุณพี่สาวที่น่ารักที่ชวนให้เขียนเรื่องนี้ มันทำให้ได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ได้กลับไปย้อนดูว่าเราเคยเขียนอะไรไว้บ้าง พอลองนับดู แทบไม่น่าเชื่อว่าเวลาสองเดือนกว่าๆ ตัวเองจะเขียนอะไรเก็บไว้ได้เกือบห้าสิบเรื่องแล้ว บทความบ้าง นิทานบ้าง เรื่องเพ้อๆในชีวิตบ้าง เป็นความภูมิใจเล็กๆของตัวเองเลยก็ว่าได้ ที่ได้ลงมือทำอะไรจริงจังแบบนี้ จากที่เขียนไปเรื่อยๆไม่มีแนวทางชัดเจน ก็เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบเขียนอะไร และอะไรที่เราเขียนได้ดี (ดูจากคนชม และมโนต่อเอง ซึ่งดูจะอย่างหลังมากกว่าค่ะ อิอิ^^)

ขอบคุณทุกคนและทุกอย่างที่ทำให้เราได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้ และขอบคุณมากๆที่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่น่ารักหลายๆคน ทั้งพี่สาวใจดีทั้งสองคนที่คอยแนะนำให้กำลังใจตั้งแต่วันแรกๆที่เริ่มต้นเขียน น้องชายที่กวนหน่อยๆ แต่มุ่งมั่นจนน่านับถือ รุ่นพี่บางคนที่ดูความคิดจะไปคนละแนวกับเราตลอด แต่ก็ได้ความรู้ดีๆทุกครั้งที่คุยกัน ครู อาจารย์ บก.และเพื่อนๆนักเขียน นักหัดเขียนทั้งหลาย แม้จะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็ช่วยให้คำแนะนำดีๆ ให้กำลังใจเสมอมา ต้องขอบคุณจริงๆที่ทำให้เราได้มีโอกาสรู้จักพวกเขาเหล่านี้

แต่แน่ล่ะ โลกของการเขียนเป็นโลกเสมือนจริงอีกใบ ย่อมมีคนมากมายหลากหลายเข้ามา มีทั้งคนดี หวังดีกับคนอื่นโดยไม่มีอะไรแอบแฝง คนธรรมดาๆที่มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามเวลาและโอกาส หรือแม้กระทั่งคนที่หวังแต่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็มี

สำหรับใครที่เข้ามาใหม่ สิ่งที่พอจะบอกได้คือ ‘ให้พิจารณา’ ทุกคนมีเหตุและผลของการกระทำ แต่เหตุผลนั้น การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่เรารับได้หรือไม่ ให้พิจารณาด้วยตัวเอง อย่าเชื่ออะไรเพียงเพราะใครบอก แต่ควรเชื่อเพราะเราได้ลงมือพิสูจน์แล้ว

ท้ายที่สุด ก่อนจะปิดฉากบทความเพ้อๆอันนี้ อยากฝากอะไรเล็กน้อยถึงคนที่เริ่มต้นเขียน อย่าอายที่จะเขียน หมั่นเขียน หมั่นฝึกฝนทุกครั้งที่มีโอกาส เปิดใจให้กว้างรับให้ได้ทั้งคำชมและคำวิจารณ์ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องลงมือทำอะไร เราเองเราก็ยังไม่มีหนังสือเป็นของตัวเองอย่างที่หวัง มีแค่เพจเล็กๆ ‘สถานีไออุ่น’ นี้ ที่เอาไว้เขียนอะไรเพ้อๆของเราก็เท่านั้น แต่อย่างน้อยเราก็ได้เริ่ม นั่นต่างหากที่สำคัญ แล้วคุณล่ะ ได้เริ่มหรือยัง...

#เส้นทางนักเขียน #สถานีไออุ่น

ปล.ขอบคุณรูปภาพสวยๆจากเว็บไซต์ Pixabay เจ้าเก่า นี่ถ้ารู้จักเจ้าของนะจะกระโดดจุ๊บแก้มทีนึงเลย น่ารักมากมีรูปฟรีให้ใช้ตลอด^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น