วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานไออุ่น: โมบายกับสายลม



'กรุ๊งกริ๊งๆ' เสียงกระดิ่งโมบายดังกังวานยามถูกสายลมพัดผ่าน เสียงกังวานเพราะๆ ชวนให้ยิ้มละไมนั้น เป็นเสียงของเจ้าโมบายทักทายสายลมนั่นเอง

"สวัสดีสายลม"

"สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะโมบาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"...

"เราสบายดี เจ้าล่ะ"

"สบายดีเช่นกัน ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกนะ แต่เราคงต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะโมบาย" สายลมส่งยิ้มให้โมบาย ก่อนจะพัดผ่านไป ฝ่ายโมบายก็ได้แต่ระบายยิ้มส่งให้ตามหลัง

แม้โมบายกับสายลมจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพราะสายลมต้องพัดพาความเย็นให้โมบายอันอื่น คนอื่นๆ ด้วย แต่ทั้งสองก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ...

ในความสัมพันธ์ของคนเราเช่นกัน แม้จะเป็นคนรัก เป็นเพื่อน เป็นคนสำคัญแค่ไหน แต่ทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งนั้

โมบายไม่สามารถให้สายลมหยุดนิ่งอยู่กับตนเองตลอดเวลาได้ฉันใด เราก็ไม่สามารถให้ใครมาอยู่กับเราได้ตลอดเวลาฉันนั้น

แต่อย่างน้อยๆ เราก็รู้ว่ายังมีกัน มีใครบางคนให้ยิ้มได้ในเวลาที่พบเจอ เวลาที่คิดถึง

บางทีความรู้สึกธรรมดาๆ แบบนี้ มันก็อบอุ่นใจดีเหมือนกันนะ^^

#นิทานไออุ่น เรื่องที่ 6 #โมบายกับสายลม

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเดินทาง...


ว่ากันว่าชีวิตคือการเดินทา
ไปเที่ยว ไปทำงาน ไปเยี่ยมญาติ ไปในที่ต่างๆที่อยากไป หรือบางครั้งก็จำเป็นต้องไป

และในหลายๆ ครั้งของเดินทางเรามักจะเจอเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอ รถเสีย น้ำมันหมด ที่พักไม่มี และอีกมากมาย

แน่ล่ะ การเดินทางอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เพราะการเดินทางไม่ใช่หรือ เราถึงได้พบสถานที่สวยๆ มิตรภาพดีๆ ศิลปวัฒนธรรมหลากหลาย หากเราไม่ออกเดินทาง ไหนเลยจะได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้

บางทีตอนนี้อาจมีเรื่องราวดีๆ รอเราอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ อยู่ที่เราพร้อมจะก้าวเท้าออกเดินทางหรือไม่ เท่านั้นเอง

#การเดินทาง #สถานีไออุ่น

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความสุขรอบกองไฟ


เสียงคุยสนุกสนาน ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝัน
แม้จะอยากซุกตัวในผ้านวมอุ่นๆต่อแค่ไหน 
แต่เสียงหัวเราะสดใสเหล่านั้นก็ดึงความสนใจของฉันได้ไม่น้อยเลย
ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เอื้อมมือไปคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ 
ก่อนจะก้าวเดินตามเสียงเหล่านั้นไป

“ขอหนูนั่งด้วยคนนะคะ”
“ได้สิจ้ะ” คุณป้าข้างบ้านเอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“กินอะไรมาหรือยังล่ะแม่หนู
“ยังเลยค่ะ หนูเพิ่งตื่น”
“งั้นรอครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวมันที่ลุงเผาไว้ก็สุกแล้ว มันบ้านนอกเราน่ะ อร่อยนะ หนูไปอยู่ที่อื่นตั้งหลายปีคงไม่ค่อยได้กิน” คุณลุงบอกกับฉันอย่างใจดี

นั่นสินะ หลายปีแล้วที่ครอบครัวของฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น
ช่วงวัยเด็กของฉันที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้สนิทกับใครมากนัก
เพราะมักจะถูกส่งไปเรียนพิเศษในเมืองในช่วงวันหยุดเสมอ...

“ป้าก็ทำข้าวจี่ไว้ด้วยนะ ฝีมือป้าอร่อยมากเลยล่ะหนูเอ้ย”
เสียงคุณป้าปลุกฉันออกจากภวังค์
“โม้แล้วแม่น่ะ”
“แต่พ่อก็กินหมดตลอดไม่ใช่เหรอ” คุณป้าเอ่ยแซว ฝ่ายคุณลุงก็ได้แต่อมยิ้มและเงียบไป คงจะจริงอย่างคุณป้าว่า
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวนี้

บทสนทนารอบกองไฟของเราดำเนินไปเรื่อยๆ
เรื่องของฉันบ้าง คุณลุงคุณป้าบ้าง เรานั่งคุยกันไป กินมันเผาและข้าวจี่ร้อนๆไป

ตอนเด็กๆ ฉันเคยสงสัยว่าทำไมเพื่อนบ้านหลายๆครอบครัวถึงชอบมานั่งผิงไฟตอนเช้าแบบนี้ ทั้งๆที่ผ้านวมอุ่นๆ ก็มี
จนวันนี้ ตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วล่ะ...

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุขรอบกองไฟต่างหากคือ เหตุผลที่หลายๆ คนยังคงผิงไฟอยู่ แม้การซุกตัวใต้ผ้านวมในห้องจะอุ่นแค่ไหน ก็คงไม่อุ่นใจเท่ากับการได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ความรู้สึกแบบนี้มันอุ่นยิ่งกว่าอุ่นเสียอีก

และฉันก็ได้ค้นพบอีกอย่างว่า มันเผาร้อนๆ กับข้าวจี่โรยเกลือธรรมดาๆ ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ^^

#นิทานไออุ่น #สถานีไออุ่น

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 6 แจกันดอกไม้


แจกันดอกไม้ ของประดับตกแต่งห้องชิ้นเล็กๆที่ให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจในเวลาที่มองเห็น 
ของที่มองดูเผินๆ เหมือนจะทำง่ายดาย
แน่ล่ะ การจัดดอกไม้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะจัดให้สวยงามก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

การจัดดอกไม้คงคล้ายๆกับการจัดสรรรูปแบบชีวิตของคนเรา
ดอกไม้เล็กใหญ่หลากหลายประเภทคงเปรียบได้กับเรื่องราวน้อยใหญ่ที่เราเลือกใส่เข้ามาในแจกันชีวิต

แน่นอนว่าดอกไม้ดอกใหญ่ เป้าหมายสำคัญ เป็นเรื่องที่ควรวางให้โดดเด่น เป็นหลักในแจกัน
แต่กระนั้นก็ไม่ควรใส่เยอะจนเกินไป จนทำให้แจกันดูแน่น อึดอัด ไม่สบายตา
คนที่จัดดอกไม้ได้สวยจึงมักจะเหลือช่องว่างให้ดอกไม้ดอกเล็กๆ ใบไม้ใบเล็กๆ 
เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เพื่อเพิ่มสีสัน เพิ่มความสวยงามให้กับแจกัน
เช่นเดียวกับคนเราที่ควรเหลือเวลาให้เรื่องเล็กๆได้มาสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขให้ชีวิตเราบ้า

เพราะบางทีปริมาณดอกไม้ดอกใหญ่ ปริมาณความสำเร็จมากมาย
อาจไม่ใช่ตัวบ่งบอกความสุข ความสวยงามของแจกันชีวิตเสมอไป

ลองหาวิธีจัดดอกไม้ให้เหมาะกับแจกันชีวิตของคุณดูนะคะ
เพราะแจกันชีวิตใบนี้ คงไม่มีใครจัดได้ดีเท่ากับตัวคุณเอง

#สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 6 #แจกันดอกไม้
#สถานีไออุ่น

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 5 พัดลม


“หนู ช่วยเปิดพัดลมให้ป้าหน่อยสิ” เสียงคุณป้าคนหนึ่งบอกกับฉัน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้พัดลมที่สุ
“ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับไป ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดพัดลมให้

ใบพัดที่หมุนวนไปมารอบแล้วรอบเล่าทำให้ฉันนึกบางอย่างขึ้นมาได้...

เจ้าพัดลมคงคล้ายๆกับพ่อแม่ของหลายๆคน
พัดสร้างความเย็นให้กับผู้อยู่ใกล้
เฉกเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่หาเงินมาให้ สร้างความสุขสบายให้ลูกๆ

แต่จะมีสักกี่คนที่สังเกตว่าตัวพัดลมเองก็ร้อนเต็มทน
เพราะพัดสร้างความเย็นให้ผู้อื่น
ทำให้ตัวเองต้องร้อนมากขึ้น ทำงานหนักมากขึ้น
พ่อแม่ก็คงเป็นเช่นนั้น เบื้องหลังของเงินที่ให้ลูกใช้อย่างสบาย
คือความเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะให้พัดลมได้พักบ้าง ปิดไว้บ้าง
หยิบจับมาทำความสะอาดบ้าง
เพื่อให้เจ้าพัดลมใช้งานไปได้นานๆ
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะใส่ใจดูแลพ่อแม่ของเราบ้าง
ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเยอะๆ ไม่จำเป็นต้องรอเวลาอะไร
แค่ทำอะไรเล็กๆให้ท่าน ดูแลท่าน
บีบนวดให้เวลาเหนื่อย หาน้ำท่าให้เวลากลับจากทำงา
เชื่อว่าแค่นี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจมากๆแล้ว

อย่าลืมใส่ใจท่านบ้างนะคะ
พัดลมทำงานหนักพังไป เรายังหาซื้อใหม่ได้
แต่พ่อแม่ของเราคงไม่มีใครมาแทนได้หรอกนะ

#สิ่งของบอกเล่า ของชิ้นที่ 5 #พัดลม
#สถานีไออุ่น
ปล. ควันหลงจากวันพ่อ สิ่งของชิ้นนี้เลยสื่อถึงพ่อแม่ค่ะ^^
ปล 2. ขอบคุณภาพประกอบจาก cat-lover-club.exteen.com
ปล 3. แนะนำเค้าได้นะ จะได้ปรับให้ดีขึ้นในงานต่อๆไปค่ะ

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ของขวัญจากพ่อ...


กล่องของขวัญสีน้ำตาลเข้มกล่องหนึ่งถูกส่งให้ชายหนุ่มในวันจบชั้นมัธยมศึกษา

"ดีใจด้วยลูก ของขวัญชิ้นนี้พ่อเก็บเงินตั้งนานกว่าจะซื้อได้ หวังว่าลูกจะชอบนะ" ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ากับกางเกงสีซีดจาง มีรอยประตามตัวหลายจุด เอ่ยกับลูกชายด้วยรอยยิ้ม

แต่ยังไม่ทันที่ลูกชายของเขาจะตอบกลับสิ่งใด เพื่อนๆ ของลูกก็เข้ามาเสียก่อน

"เฮ้ มาทำอะไรตรงนี้ ไปถ่ายรูปกันเถอะ แล้วนี่ใครน่ะ" เพื่อนๆของลูกชายเอ่ยถามขึ้

"สวัสดีเด็กๆ ฉันเป็น..."

"รีบไปถ่ายรูปกันเถอะ ขอตัวนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขัดจังหวะ แล้วรีบพาเพื่อนๆปลีกตัวออกไป 
ทิ้งให้ผู้เป็นพ่อยืนอยู่ลำพังเช่นนั้นพร้อมกับคำถามในใจ...
'หรือลูกจะอายที่มีพ่อจนๆแบบเขา'
ผู้เป็นพ่อได้แต่เฝ้าครุ่นคิด ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับความน้อยใจ

ชายวัยกลางคนเปิดกล่องของขวัญสีน้ำตาลเข้มกล่องนั้นด้วยความทะนุถนอม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินในทุกครั้งที่เห็นมัน ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตยี่ห้อดังตัวหนึ่งที่เขาเคยบอกพ่อว่าอยากได้ แม้จะรู้ว่าฐานะทางบ้านของเขาคงซื้อเสื้อยี่ห้อนี้ไม่ได้ แต่พ่อก็ซื้อมันให้เขาในวันจบการศึกษา ทั้งๆที่ตัวพ่อเองยังใส่เสื้อเชิ้ตตัวเก่าสีซีดจางตัวเดิมอยู่

แต่เพราะอายเพื่อนที่พ่อจน ที่พ่อแต่งตัวมอซอไปหา ทำให้เขารีบตัดบทแล้วปลีกตัวออกไป
ตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่ากลับบ้านค่อยไปขอโทษพ่อก็ได้ พ่อคงเข้าใจและให้อภัยเหมือนเดิม 
กลับบ้านไปค่อยขอโทษก็ยังไม่สาย

แต่...

มันก็สายเกินไป

ถ้าวันนั้นเขารู้สักนิดว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าพ่อ
ถ้าวันนั้นเขารู้สักนิดว่ารถคนนั้นจะพุ่งชนพ่อ เขาคงจะชวนพ่อไปถ่ายรูป ไปแนะนำกับเพื่อนๆ คงจะรั้งให้พ่ออยู่ด้วยนานๆ ไม่ให้เดินออกไปในเวลานั้น

ถ้าวันนั้นเขารู้ เขาคงจะไม่พูดแบบนั้น

ถ้าวันนั้นเขารู้...

ชายวัยกลางคนนั่งกอดเสื้อเชิ้ตในกล่องของขวัญพร้อมน้ำตาที่เอ่อไหลไม่หยุด อยากขอโทษ อยากกอด อยากพาพ่อไปเที่ยว อยากทำอะไรให้พ่อเหมือนลูกคนอื่นเขาทำในวันพ่อวันนี้ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว สายเกินไปแล้วจริงๆ

#ของขวัญจากพ่อ #สถานีไออุ่น

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

26 ตัวอักษรแห่งรัก ตัวที่ 2 S-Star


ในวันที่ท้องฟ้าเปิด อากาศเย็นสบายเช่นนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนอนรับลมเย็นๆ แล้วมองไปบนฟ้า ดูดวงดาวน้อยใหญ่ส่องแสงระยิบระยับราวกับส่งยิ้มมาให้

ดาวดวงเล็กๆที่งดงามจับใจ และให้ความรู้ดีๆ ในทุกครั้งที่มองเห็น แม้จะจับต้องไม่ได้ เอามาครอบครองไม่ได้ แต่ก็สุขใจที่เป็นเช่นนี้

กับคนบางคนก็เป็นเช่นเดียวกับดวงดาว แค่ได้มองเห็น ได้ส่งยิ้มให้ไกลๆ เพียงแค่นี้ก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว อีโมติคอน smile

#26ตัวอักษรแห่งรัก ตัวที่ 2 S - Star
#สถานีไออุ่น

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตค่ะ^^

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ให้เราเหนื่อยเป็นเพื่อนนะ


รีวิวหนังสือ ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน เที่ยวต่างแดนแบบสุดตึ๋ง


ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน เที่ยวต่างแดนแบบสุดตึ๋ง หนังสือเล่มนี้เป็นการ์ตูนความรู้เศรษฐศาสตร์ที่จะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวกับครอบครัวตึ๋งหนืดที่มีความขี้ตืดไม่เป็นรองใคร โดยในเล่มเริ่มต้นจากฮารุได้รางวัลแพ็กเกจทัวร์ยุโรปฟรี เป็นตั๋วเครื่องบิน 3 ใบ ซึ่งสมาชิกของบ้าน 2 คนต้องสละสิทธิ์ไม่ไปเที่ยวในครั้งนี้ (บ้านนี้มีสมาชิก 6 คน แต่คารุอายุต่ำกว่า 24 เดือนจึงได้สิทธิ์บินฟรี) แต่ด้วยความที่คุณแม่ใจดี (เหรอ?) อนุญาตให้ทุกคนไปเที่ยวได้ ถ้าหาตั๋วเครื่องบินฟรีได้อีก 2 ใบ และเป็นฮารุอีกเช่นเคยที่หาตั๋วนั้นมาให้ทุกคนได้ ทริปท่องเที่ยวสุดประหยัดที่แฝงความฮาจึงเกิดขึ้น...
การเดินทางท่องเที่ยวของครอบครัวตึ๋งหนืดเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง เพราะมีโทรุจอมเขมือบอาหารและขยันสร้างเรื่องไปด้วย แต่กระนั้นครอบครัวนี้ก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่น สนุกสนาน และปลอดภัยตลอดทริป และแม้จะเป็นการเที่ยวต่างประเทศ แต่ด้วยเป็นความครอบครัวที่ขี้ตืดสุดๆ เรื่องการประหยัดเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาจึงสรรหาสารพัดวิธีประหยัดมาให้เราได้เรียนรู้กัน
สิ่งที่เราชอบในเล่มนี้คงเป็นเกร็ดความรู้ในแต่ละตอนที่แทรกไว้ เช่น เคล็ดลับในการจัดกระเป๋าเดินทาง มารยาทการทักทาย เทคนิคการจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก เคาช์เซิร์ฟฟิง แบ่งปันที่พักฟรี สถานที่เที่ยวต่างๆ และข้อมูลที่น่าสนใจหลายๆอย่าง ซึ่งเราเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศแบบประหยัดอย่างแน่นอน
พูดถึงสิ่งที่ชอบไปแล้ว มาถึงสิ่งที่ไม่ชอบกันบ้าง จริงๆจะเรียกว่าไม่ชอบก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียว เรียกว่าไม่ค่อยถูกจริตจะเหมาะกว่า ด้วยความที่ชื่อหนังสือก็บอกชัดว่าครอบครัวนี้ขี้ตืดแค่ไหน พออ่านไปจึงรู้สึกว่าตัวละคร โดยเฉพาะคุณแม่ ประหยัดมากๆ มากจนดูจะเกินจริง ซึ่งนั่นคงเป็นเจตนาของคนเขียนที่ตั้งใจให้ครอบครัวนี้ออกมาขี้ตืดสุดๆ แต่ก็มีความฮา น่ารักอยู่ในตัว ซึ่งในจุดนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้อ่านแต่ละท่านค่ะ
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่สนใจการ์ตูนความรู้เศรษฐศาสตร์ กำลังหาข้อมูลการท่องเที่ยวต่างประเทศแบบประหยัด หรือเกร็ดความรู้เล็กๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แนะนำให้ลองอ่านการ์ตูนเล่มนี้ดูค่ะ ‘ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน เที่ยวต่างแดนแบบสุดตึ๋ง’ ตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ดีทีเดียว ส่วนเรื่องการประหยัดที่อาจจะดูเยอะไปสักหน่อย ก็ลองเลือกเอาข้อดีและความรู้ต่างๆ (ซึ่งมีอยู่เยอะ) มาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองดูนะคะ
หนังสือทุกเล่มมีความน่าสนใจในตัว ครอบครัวตึ๋งหนืดที่ขี้ตืดสุดๆก็มีความฮา น่ารัก และสาระในตัวเช่นกันค่ะ ลองอ่านดูนะ^^
...............................................
ข้อมูลหนังสือ
ชื่อหนังสือ: ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน เที่ยวต่างแดนแบบสุดตึ๋ง
ผู้แต่ง: อิมชังโฮ
ภาพประกอบ: ริว, ซูฮย็อง
ผู้แปล: อภิศรี นิรุตติปัญญากุล
พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2558 สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ราคา 158 บาท (192 หน้า)
................................................
Talk Talk Talk มาเม้าท์ส่งท้ายค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งสองท่าน แอดมินนานมีบุ๊คส์แฟนและพี่แอร์ วรวลัญช์ ที่ส่งหนังสือมาให้อ่าน แต่ด้วยความบังเอิญหรืออย่างไร หรืออาจจะเพราะเราเขียนซีรี่ย์นิทานการเงินสำหรับเด็ก บวกกับเคยรีวิวการ์ตูนความรู้เกี่ยวกับการเงินไป ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเลยใจตรงกันส่งครอบครัวตึ๋งหนืดมาให้ เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน ขออนุญาตเอามาเล่าแค่เล่มที่เป็นตอนล่าสุดเล่มเดียวนะคะ เพื่อประกอบการตัดสินใจให้ใครที่กำลังมองหาหนังสือแนวนี้อยู่ ใจจริงอยากส่งความใจดีนี้ต่อ แต่อ่านข้อความที่คนให้ส่งมา เลยขอเก็บไว้เองดีกว่า^^
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจหนังสือแนวนี้นะคะ ขอบคุณมากๆ สำหรับหนังสือ กราบงามๆค่ะ^^



วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อาหารที่เหลือ...


ครูสาวคนหนึ่งสอบบรรจุได้ในโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่งในแถบชนบท และเป็นธรรมเนียมของโรงเรียนแห่งนี้ที่ครูทุกคนต้องออกเงินเพื่อเป็นค่าอาหารกลางวันของคณะครู

เธอสังเกตเห็นว่าในทุกวันอาหารจะต้องเหลือในหม้อเกือบครึ่งตลอด จนรู้สึกเสียดายอาหารมากมายที่เหลือ เสียดายเงินที่สิ้นเปลืองไปโดยใช่เหตุ ด้วยความสงสัยว่าเหตุใดครูที่เตรียมอาหารจึงไม่ยอมลดปริมาณอาหารลง ทำให้เธอตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

ครูคะ ทำไมเราไม่ลดปริมาณอาหารลงล่ะคะ แต่ละวันเห็นเหลือเกือบครึ่งตลอดเลย คือ หนูกลัวว่าเด็กๆจะเอาเป็นแบบอย่างได้ ที่เราเหลืออาหารทิ้งเยอะแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดมาตลอด

ครูคนนั้นมองหน้าเธอเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เดินตามไปด้านหลังโรงอาหาร
และภาพที่เห็นคือเด็กๆนั่งร่วมวงกินอาหารที่เหลืออยู่อย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าแต่ละคนถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่ใครดูก็รู้ว่ามีความสุข

นี่แหละค่ะเหตุผลของพี่และครูทุกคนที่นี่ เด็กโรงเรียนเรา ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน เด็กประถมโชคดีที่รัฐมีงบค่าอาหารให้ แต่เด็ก ม.ต้นไม่มี พวกเขาจึงต้องห่อข้าวมาจากบ้านเอง บางคนมีกับข้าวมาด้วยเล็กน้อย แต่บางคนไม่มีเลย พี่และครูทุกคนจึงเลือกจะออกเงินกันซื้ออาหารมาเยอะๆ เผื่อพวกเขาด้วย หลายคนอาจมองว่าพวกพี่ไม่ประหยัด อาจมองว่าอาหารเหล่านี้คือของเหลือ แต่สำหรับเด็กที่นี่มันคือมื้อเที่ยงที่อร่อยที่สุด และเป็นมื้อเที่ยงที่ครูทุกคนอยากแบ่งปันให้พวกเขา

ทันทีที่ครูท่านนั้นกล่าวจบ เธอมองไปยังภาพเบื้องหน้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกหลากหลาย รู้สึกสงสารเด็กนักเรียนที่ลำบาก รู้สึกผิดที่เอ่ยถามไปเช่นนั้น...


และนับจากนั้นเป็นต้นมา สายตาที่เธอมองครูในโรงเรียนนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และไม่มีสักครั้งที่เธอจะนึกเสียดายเงิน เสียดายอาหารที่เหลืออีกเลย เพราะเธอรู้แล้วว่าอาหารเหล่านั้นไม่ใช่เศษอาหารที่เหลือทิ้งขว้าง หากแต่เป็นอาหารที่ครูทุกคนจงใจเหลือไว้ให้เด็กๆ เป็นอาหารมื้อสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีแรง มีพลังในการเล่าเรียนต่อไป...

#อาหารที่เหลือ #สถานีไออุ่น

ปล. เพิ่มเติมจากเค้าโครงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่เล่ามาเพราะรู้สึกนับถือความคิดของครูโรงเรียนนี้ และอยากถ่ายทอดให้รู้ว่าในสังคมเรายังมีคนอีกมากที่ขาดแคลนแม้กระทั่งอาหารกินในแต่ละวัน เด็กกลุ่มนี้ยังโชคดีที่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้เรียน มีครูใจดีแบ่งปันอาหารให้ ในขณะที่เด็กอีกหลายคนไม่มีโอกาสนั้นเลย

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สุขสันต์วันลอยกระทงคร่าาาา

เลยมาหลายนาทีแระ แต่ยังเป็นคืนวันนี้อยู่เนอะ สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ขอให้ทุกข์โศกโรคภัย เรื่องร้ายๆหายไปกับสายน้ำ มีความสุขมากๆนะคะทุกคน สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ^^

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอนจบ



ซีรี่ย์นิทานการเงิน
ตอนจบ

หลังจากวันนั้นที่ฉันรับจ้างเก็บแครอทให้คุณยายซาร่า ฉันก็เข้าไปคุยกับลุงวิลลี่ ป้าต่าย แล้วก็เชอรี่ตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งแน่นอนว่ากระต่ายทุกตัวจ้างฉันเก็บแครอทให้ แต่กว่าจะกล้าไปคุยมันยากมากเลยรู้ไหม แต่ฉันก็ทำได้ ดีใจที่สุดเลย^^

และวันนี้ก็ครบ 1 สัปดาห์ที่ฉันกับเจี๊ยบต้องไปพบ ดร.พิทบูลแล้ว อยากเล่าให้ ดร.ฟังเร็วๆจัง

ก๊อกๆ

สวัสดีบราวนี่ เจี๊ยบ เป็นไงบ้างล่ะดร.ถามขึ้นทันทีหลังจากเปิดประตูมาเจอพวกเราทั้งสอง
ดร.ซ่อมประตูแล้วเหรอครับเจี๊ยบคิดเหมือนฉันเลย ฉันล่ะตั้งรับกับเสียงประตูมาเต็มที่ แต่เงียบกริบซะงั้น
ฮ่าๆ ใช่ นักเรียนกลัวครูมากขึ้นเพราะเสียงประตูนี่แหละ เลยให้ช่างมาซ่อมซะเลย
ดร. พิทบูลตอบกลับอย่างใจดีก่อนจะเอ่ยถามเรื่องงานต่อ
แล้วเรื่องทำงานหาเงินของพวกหนูเป็นไงบ้างล่ะ

ของผมแม่ไม่ให้วางหน้าร้านครับ บอกว่าอยากให้ผมลองเองก่อน ผมเลยทำขนมรูปตัวการ์ตูนต่างๆ มาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียนครับ สองสามวันแรกขายไม่ได้เลย ผมเสียดายขนม เลยเอาแจกเพื่อนๆให้ได้ลองชิมกัน ไม่น่าเชื่อเลยครับ ดร. หลังจากวันนั้นผมขายหมดทุกวันเลย
ส่วนหนู หนูได้ลูกค้าเป็นกระต่ายที่รู้จักกัน 4 ตัวแล้วค่ะ พวกเขาจ้างหนูเก็บแครอทไปส่งที่บ้านให้ หนูคิดหัวละ 1 บาท ได้เกือบๆ เดือนละ 500 บาทเลยค่ะ แต่หนูต้องตื่นเช้าขึ้น ไปกลับวันละสองรอบ เหนื่อย แต่สนุกค่ะ
ฉันกับเจี๊ยบเล่าให้ ดร.ฟัง ด้วยความภาคภูมิใจ

 “ดีมากเด็กๆ เจี๊ยบเก่งมากที่พยายามหาช่องทางขายขนมของตัวเองได้ แม้จะด้วยความบังเอิญ แต่นั่นแหละคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด เราทำขนมออกมาอร่อย แต่ถ้าเขาไม่ได้ลองชิม เขาก็คงไม่รู้จริงไหม ดีมากที่เลือกทำแบบนั้น ส่วนบราวนี่ก็เก่งที่กล้าเข้าไปคุย ไปหาลูกค้า เก่งมากๆจ้า
เชื่อไหม ฉันตัวลอยเลยที่ได้ยิน ดร.พิทบูลชม เจี๊ยบก็คงเหมือนกัน ยิ้มกว้างเชียว
ดร.พิทบูล ครูที่เด็กทั้งโรงเรียนกลัวกำลังชมพวกเรา ดีใจสุดๆไปเลย

"แต่ ดร.คะ มีกระต่ายอีกหลายตัวมาถามหนู จะจ้างหนู แต่หนูกลัวไม่ไหว แต่หนูก็อยากได้เงินเพิ่มค่ะ จะทำยังไงดีคะ"
หลังจากวันนั้นที่ฉันรับจ้างเก็บแครอทก็มีกระต่ายหลายตัวมาถามฉันถึงบ้าน แม่เองก็ทึ่งที่ฉันมิวิธีหาเงินได้จริงๆ จนเลิกหัวเราะกระปุกความฝันของฉัน นี่เป็นอีกเรื่องที่ฉันมีความสุขที่สุด

"หาทีมสิจ๊ะบราวนี่ หนูก็แค่ชวนเพื่อนที่อยากหารายได้เหมือนหนูไปทำด้วยกัน หนูหาลูกค้าให้ เพื่อนรับจ้างเก็บ ตกลงส่วนแบ่งกัน เท่านี้หนูก็ได้เงินเพิ่มแล้ว"
"แบบนี้ก็เอาเปรียบเพื่อนสิคะฉันอดกังวลไม่ได้ เพื่อนลงแรงเก็บแต่ฉันมีส่วนได้เงินด้วย ถึงจะไม่เยอะเท่า แต่ก็กลัวเพื่อนว่าอยู่ดี
"สำหรับครู ครูมองว่ามันเป็นส่วนแบ่งที่เราควรจะได้นะ ลองไปถามเพื่อนๆดูก่อนก็ได้ ไปเล่าสิ่งที่หนูทำให้เขาฟัง ถ้าสนใจทำ และอยากหาลูกค้าเองก็ไม่เป็นไร แต่ครูเชื่อว่ามีกระต่ายอีกหลายตัวไม่กล้าเข้าไปหาลูกค้า แต่หนูกล้า นั่นคือโอกาสที่หนูจะได้"

เหมือนลูกค้าที่ร้านขนมแม่ เข้ามาคุยกับแม่จะรับขนมไปส่งต่อให้ เขาไม่ได้ลงแรงทำเอง ไม่ใช่คนขาย แค่เอาไปส่งต่อให้คนขายแค่นั้น แต่ก็ได้กำไร แบบนี้ใช้ไหมครับเจี๊ยบถามขึ้น

"ถูกต้องเจี๊ยบ เก่งมาก แต่คนที่รอบคอบต้องไม่ฝากความหวังไว้ที่งานเดียว พวกหนูลองไปค้นหาตัวเองดูว่ามีอะไรอีกที่พวกหนูชอบและทำได้ดี หรือมีปัญหาอะไรที่คนอื่นแก้ไม่ได้ แต่พวกหนูแก้ได้ หามันให้เจอ แล้วลองทำไปเรื่อยๆนะ"
"ครับ / ค่ะ" เราทั้งสองรับปาก ดร.พิทบูล

วิชาหาเงินที่ครูจะสอนพวกหนูคงมีแค่นี้ จากนี้พวกหนูต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่จำคำครูไว้นะ อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ศรัทธาในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองทำได้ และที่สำคัญต้องมีวินัย ออมทุกวัน ออมให้เป็นนิสัยนะ
ขอบคุณครับที่สอนพวกเรา
ขอบคุณมากๆค่ะ’  พวกเราเอ่ยขอบคุณ ดร.พิทบูล ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน

แต่ระหว่างที่กำลังเดินออกไปจากโรงเรียน...

"เจี๊ยบ บราวนี่"
ครับ / คะเราหันกลับไปตามเสียงเรียกนั้น

"อย่าลืมหาความรู้เยอะๆนะ มีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้กระปุกความฝันของพวกหนูเต็มเร็วกว่านี้" ดร.ตะโกนบอกจากหน้าต่าง
"ครับ/ ค่ะ"
ดร.พิทบูลยืนส่งยิ้มมาให้ โบกมือลาอยู่ไกลๆ เราเองก็โบกมือลาเช่นกัน ก่อนจะหันหลังกลับ ออกเดินทางต่อไป...


ถึงตอนนี้กระปุกความฝันทั้ง 3 กระปุกของฉันจะยังไม่เต็ม โทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตาหมีพูดได้ และเงินออม อาจต้องรอเวลาสักหน่อย แต่ฉันเชื่อว่ามันจะเต็มเร็วๆนี้แน่นอน

คงต้องขอบคุณลุงเต่าที่สอนการออมให้ฉัน และทำให้ฉันได้รู้จักคนเก่งๆอย่าง ดร.พิทบูล ครูหน้าดุที่แสนจะใจดี ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่เดือนกว่าที่ฉันสนใจเรื่องการเงิน จะทำให้ฉันเรียนรู้อะไรมากมายขนาดนี้ ตอนนี้ฉันไม่ใช่กระต่ายน้อยบราวนี่ขี้กลัวแล้วนะรู้ไหม แต่ฉันเป็นกระต่ายน้อยที่กล้า และศรัทธาในตัวเองแล้ว

ฉันนั่งจดบันทึกไป ยิ้มไป อดไม่ได้ที่จะหยิบจดหมายของลุงเต่ามาอ่านอีกครั้ง ฉันเพิ่งสังเกตุว่าอีกด้านของจดหมายมีข้อความหนึ่งที่ลุงเต่าเขียนไว้...

การออมอาจไม่ทำให้รวยเร็ว แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้รวยแน่นอน สู้ๆนะบราวนี่

ขอบคุณค่ะลุงเต่า สู้ๆค่ะฉันยิ้มตอบจดหมายฉบับนั้น รู้สึกเหมือนลุงเต่ากำลังส่งยิ้มกลับมาให้

คงได้เวลาเข้านอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้า ไปเก็บแครอท และต้องมองหางานใหม่ หาความรู้ใหม่ๆเพิ่มด้วย ดร.บอกว่ามีอีกหลายวิธีที่ทำให้กระปุกความฝันเต็มเร็วขึ้น ฉันต้องหาให้เจอให้ได้ แต่ตอนนี้คงต้องเข้านอนแล้ว ไว้พบกันใหม่นะทุกคน ฝันดีจ้า

อ๊ะๆ อย่าลืมหยอดกระปุกความฝันก่อนนอนด้วยนะ ไว้เจอกันใหม่จ้า^^
                               


จบภาค 1 แล้วค่ะ ส่วนภาค 2 รอบราวนี่ออมเงินได้มากกว่านี้อีกหน่อยนะคะ เดี๋ยวบราวนี่ตัวน้อยจะมาเล่าให้ฟังใหม่ว่าทำยังไง กระปุกความฝันถึงได้เต็มเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้ แถมมีเงินเหลือใช้อีกต่างหาก ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ รักคนอ่านมากมาย อิอิ^^

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน เรียนวิชาหาเงิน ตอนที่ 3



วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปเก็บแครอทเช่นเคย แต่เป็นวันไปเก็บแครอทที่ตื่นเต้นที่สุด ฉันจะเริ่มคุยกับใครก่อนดีนะ ป้าเจ กระต่ายบ้านข้างๆ เชอร์รี่กระต่ายคุณหนู ลุงวิลลี่กระต่ายขนฟูสีขาวๆ หรือ...

"โอ๊ย!" ฉันมัวแต่คิดเพลินจนเดินชนกับใครก็ไม่รู้

"เป็นไงบ้างจ๊ะหนูบราวนี่"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณยายซาร่า หนูเดินไม่ระวังเอง ขอโทษค่ะ" ฉันขอโทษคุณยายซาร่า คุณยายกระต่ายที่ใจดีที่สุดในหมู่บ้านนี้

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้วจ้า จะไปเก็บแครอทใช่ไหม ป๊ะ ไปพร้อมกัน ยายล่ะเหนื่อยจริงๆ แก่แล้วเดินไม่ค่อยไหว" คุณยายบ่นออกมา นั่นสิ ฉันถามคุณยายซาร่าได้นี่

"เอ่อคือคุณยายคะ คือถ้า...เอ่อ..."
"มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" คุณยายถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่

'ไม่กล้าก็ไม่ได้เงินนะบราวนี่ กระปุกความฝันเธอก็จะไม่เต็มสักทีนะ กล้าเข้าสิ สู้ๆ' ฉันให้กำลังใจตัวเองก่อนจะกลั้นใจถามคุณยายซาร่าออกไป...

"คือให้หนูช่วยไหมคะ หมายถึงถ้าหนูจะรับจ้างเก็บแครอทให้ คุณยายสนใจไหมคะ" ฉันถามอย่างอายๆ

"สนสิจ๊ะ สนมากด้วย แล้วหนูคิดยังไงล่ะ ถ้าต้องเก็บให้ยาย ยายขอแครอทวันละ 3 หัวก็พอ แต่ต้องเก็บใหม่ทุกวันนะ ยายชอบกินแครอทสดๆ"

นั่นสิ ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย จะคิดเท่าไหร่ดีนะ
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดหนักคุณยายซาร่าก็ชี้ทางสว่างให้

"หัวละ 1 บาทเป็นไงจ๊ะ จะจ่ายเป็นวันหรือเดือนก็ได้จ้า ยายคงให้หนูเก็บให้ทุกวันอยู่แล้ว"

หัวละ 1 บาทวันละ 3 หัวเท่ากับวันละ 3 บาท 1 เดือนฉันก็จะได้ 90 บาทเลยเหรอ เยอะมากๆเลย ฉันจึงตอบตกลงไปทันที

"ได้ค่ะ แต่หนูขอรับเงินเป็นเดือนนะคะ คือหนูอยากเก็บเงินเป็นก้อนค่ะ"

"ได้สิ งั้นเริ่มวันนี้เลยนะ ยายเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปรอแครอทที่บ้านนะจ๊ะบราวนี่"

"ค่ะคุณยาย เดี๋ยวหนูเอาไปส่งนะคะ ขอบคุณที่จ้างหนูค่ะ" ฉันยิ้มให้คุณยายซาร่า ง่ายกว่าที่คิดอีกนะ วิธีหาเงินเนี่ย

และตอนสายๆของวันฉันก็เอาแครอทไปส่งบ้านคุณยาย คุณยายจ่ายเงินฉันมา 90 บาทเลย บอกว่าฉันจะได้มีกำลังใจในการเก็บแครอทให้คุณยายทุกวัน คุณยายใจดีสุดๆไปเลย

บางทีพรุ่งนี้ฉันอาจจะไปถามกระต่ายตัวอื่นๆด้วย จะได้มีลูกค้าเยอะๆ ได้เงินไปหยอดกระปุกความฝันเยอะๆ ถ้าเป็นแบบนั้นกระปุกความฝันของฉันต้องเต็มเร็วขึ้นแน่ๆเลย^^

โปรดติดตามตอนต่อไป

#ซีรี่ย์นิทานการเงิน #กระต่ายน้อยบราวนี่ #สถานีไออุ่น

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน เรียนวิชาหาเงิน ตอนที่ 2

ซีรี่ย์นิทานการเงิน
ตอน เรียนวิชาหาเงิน
ตอนที่ 2ิ



งานที่ทำเงินได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ยากเสมอไปหรอกจ้าบราวนี่ วิธีคิดง่ายๆในการหางานหาเงินของครูคือ ดูว่าตัวเองชอบอะไรและทำอะไรได้ดีที่สุด ดูว่าคนอื่นมีปัญหาอะไร และทำยังไงเราถึงแก้ปัญหานั้นได้ อย่างหนูชอบเก็บแครอท หนูทำมันได้ดี แต่อาจจะมีกระต่ายอีกหลายตัวที่ไม่ชอบเก็บก็ได้จริงไหม

"จริงค่ะ หนูเห็นกระต่ายหลายตัวบ่นบ่อยๆ ดร.กำลังจะบอกให้หนูรับจ้างเก็บแครอทหรือเปล่าคะ ไม่เอาหรอกค่ะ ใครจะมาจ้างหนู"

"หนูเคยลองหรือยังล่ะ ถึงคิดว่าไม่มีใครจ้าง ถ้าครูเป็นหนูครูจะไปถามกระต่ายทุกตัว ว่าถ้าหนูอาสาเก็บแครอทให้แลกกับค่าตอบแทนเล็กน้อย เขาจะสนใจไหม"
ดร.พิทบลูแนะนำให้ แต่ใครจะกล้าล่ะ ฉันอายนะ เกิดเขาไม่จ้างฉันล่ะ

ดร.คงเห็นแววตากังวลของฉัน ไม่ใช่แค่ฉันหรอก ดูเจี๊ยบก็กังวลเหมือนกัน ถ้าเขาทำขนมเขาอาจจะขายไม่ได้ก็ได้

"จำไว้นะบราวนี่ เจี๊ยบ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือความมั่นใจในตัวเอง ศรัทธาตัวเอง ถ้าพวกหนูไม่ศรัทธาว่าตัวเองทำได้ ทุกอย่างก็จบ เหมือนที่หนูทำกระปุกความฝันนั่นแหละ เพราะหนูศรัทธาหนูถึงทำได้ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เจี๊ยบจะขายขนมได้ไหม บราวนี่จะหาลูกค้าได้ไหม อย่าเพิ่งไปกังวลมาก แค่ทำให้เต็มที่ ศรัทธาในตัวเองก็พอ เชื่อครู"

ฉันคิดตามที่ ดร.พูด จริงสินะ ฉันยังไม่ลองเลย จะมากังวลไปก่อนทำไม
"ครับ ดร. ผมจะทำให้เต็มที่ จะไม่คิดไปก่อน" เจี๊ยบพูดขึ้น ทำไมเจี๊ยบคิดได้ก่อนฉันตลอดเลยนะ ฉันคงต้องมองเจี๊ยบใหม่แล้วล่ะ เจี๊ยบดูจริงจังมากวันนี้ ไม่เหมือนลูกไก่พูดไม่เพราะตัวเดิมเลย
"หนูก็เหมือนกันค่ะฉันตอบไปบ้าง

เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ พวกหนูลองไปทำดูก่อน สัปดาห์หน้าค่อยมาหาครูใหม่
"ขอบคุณครับ ดร. / ขอบคุณค่ะ ดร."

เส้นทางการหาเงินเริ่มต้นแล้วสินะ...


โปรดติดตามตอนต่อไป

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน เรียนวิชาหาเงิน ตอนที่ 1

มาตามสัญญาค่ะ^^
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน ลองไล่อ่านในบล็อกดูก่อนนะคะ เดี๋ยวจะงง หรือลิงค์ในพันทิปอันนี้ก็ได้ค่ะ รวมทุกตอนที่ผ่านมาแล้วค่ะ^^
http://pantip.com/topic/34054326
http://pantip.com/topic/34090691

ได้เวลาต่อตอนต่อไปกันแล้ว ไปกันเลยยยยยยยยยย



ซีรี่ย์นิทานการเงิน
ตอน เรียนวิชาหาเงิน
ตอนที่ 1

ฉันกับเจี๊ยบ ยืนอยู่หน้าห้อง ดร.พิทบูลเป็นครั้งที่สองของวัน แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เราสองคนไม่มีความกลัว แต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกระตือรือร้น ฉันไม่คิดว่าเจี๊ยบที่เคยหัวเราะกระปุกความฝันของฉัน จะสนใจเรียนวิชาหาเงินด้วย แต่เจี๊ยบก็สนใจ

ก๊อกๆ
เข้ามา” เสียงดังๆของ ดร.บอกเรา หลังจากประตูถูกกระชากเปิดอย่างแรงเช่นเคย
ปัง!
แน่ละ เสียงประตูของ ดร. ถึงจะรู้อยู่แล้ว แต่ฉันกับเจี๊ยบก็อดสะดุ้งไม่ได้ บางทีฉันคงต้องขอให้ ดร.พิทบูลรีบซ่อมประตูเร็วๆ ก่อนที่ฉันกับเจี๊ยบจะตกใจจนไม่ได้มาเรียนวิชาหาเงิน

นั่งสิ ทำไมเธอสองคนถึงอยากเรียนวิชาหาเงินกับครูล่ะ
หนูอยากมีเงินไปหยอดกระปุกความฝันของหนูค่ะ โทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตาหมีพูดได้ และเงินออม หนูหยอดเงินใส่ทั้งสามกระปุกทุกวัน แต่หนูอยากให้มันเต็มเร็วๆ อยากให้ความฝันสำเร็จเร็วๆ ค่ะฉันตอบ ดร.พิทบูล
ผมอยากมีเงินเก็บเยอะๆครับ อยากใช้เงินตัวเองไม่ต้องขอที่บ้านอีกนั่นคือเหตุผลที่เจี๊ยบตอบ

เข้าใจแล้ว พอจะบอกครูได้ไหม อะไรคือสิ่งที่พวกเธอชอบทำและทำได้ดีที่สุด
ที่บ้านผมเป็นร้านขนม ผมทำขนมได้ครับ ผมเคยทำขนมรูปพี่เจี๊ยบ โดราเอมอน อุลตร้าแมน และรูปการ์ตูนต่างๆด้วยครับ มีหลายคนชมว่าผมทำเหมือนด้วยเจี๊ยบตอบ ดร.อย่างมั่นใจ

ฉันรู้ว่าบ้านเจี๊ยบทำขนมขาย แต่ไม่เคยรู้ว่าเจี๊ยบทำเป็นด้วย แต่ฉันสิ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แล้วฉันจะตอบอะไร ดร.ยังไงล่ะ
เยี่ยมมากเจี๊ยบ หนูล่ะ บราวนี่
หนูไม่รู้ค่ะ ดร. หนูไม่เก่งสักเรื่องเลย วาดรูป ร้องเพลงก็ไม่ได้ ทำขนมเหมือนเจี๊ยบก็ไม่เป็น หนูชอบอย่างเดียวคือเก็บแครอทให้แม่ค่ะ ตอบไปแล้วก็อาย ฉันเพิ่งรู้ว่าทำอะไรไม่เป็นตอน ดร. ถามนี่แหละ
นั่นแหละ คือสิ่งที่จะทำเงินให้หนู
หา เก็บแครอทเนี่ยนะคะ
แค่เก็บแครอทเนี่ยนะ จะทำเงินให้ฉันได้ยังไง


โปรดติดตามตอนต่อไป...

อ๊ะอ๊ะ อย่าเพิ่งเคืองที่มาน้อยนะคะ ตอนต่อไปในโพสต์ถัดไปเลยค่ะ ลงวันนี้แหละ แยกให้อ่านง่ายเฉยๆ ไปอ่านกันเลยยยยย