วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เมื่อฉันได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับครูคนหนึ่ง

ฉันมีโอกาสได้รู้จักครูคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก แต่เป็นการรู้จักที่เกิดจากความตั้งใจของฉันเอง ครูเป็นสมาชิกในกลุ่มๆหนึ่งที่ฉันติดตามอยู่ เป็นคนที่คอมเม้นต์อะไรแต่ละอย่างนี่ชัดเจนมาก เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด มั่นใจมาก จนฉันแอบหมั่นไส้เบาๆ แหม ถ่อมตัวบ้างก็ดีนะคุณ คนอะไรจะมั่นใจปานนั้น จริงๆนะ ถ้าคุณเคยอ่านคอมเม้นต์ของเขา คุณก็จะคิดเหมือนฉันนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยอมรับว่าชอบทุกโพสต์ของเขา อ่านแล้วมีประโยชน์จริงๆ ทำได้จริง คนแบบนี้น่าสนใจ น่าจะมีอะไรพิเศษบางอย่าง นั่นคือความคิดของฉันก่อนจะส่งคำขอเป็นเพื่อนครูในเฟสบุ๊ค

วันแรกที่คุยกัน ครูทักมาหลังจากเห็นคำขอเป็นเพื่อนของฉัน...
ใช่เหรอ ฮ่าๆ ไม่หรอกค่ะ ฉันนี่แหละทักไป ก็แหม อยากรู้จักครู อยากเรียน อยากรู้ ก็ต้องกล้าเข้าหาสิคะ จริงไหม ถึงจะอาย แต่อายครูไม่รู้วิชานะเออ กล้าๆเข้าไว้ เราไม่ได้กำลังจะจีบหนุ่มสักหน่อย แค่จีบครูแค่นั้นเอง ฮ่าๆๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ แค่จีบสอนต่างหากล่ะ ^^

แค่วันแรกที่คุย หลังจากทำใจกล้าทักไปก่อน ยอมรับเลยว่าคุ้ม คุยกับครูได้อะไรในหัวกลับไปเยอะ มิน่าถึงได้มั่นใจขนาดนั้น ก็เขามีดีให้มั่นใจจริงๆ (ไม่หมั่นไส้แล้วก็ได้)

เราคุยกันสบายๆ ไม่ได้เป็นบทเรียนจริงจัง แกไม่มีตำราสอน ฉันก็ไม่มีสมุดจด (แต่ตอนนี้จดแล้ว) แต่ฉันว่าฉันได้หลายอย่างเพิ่มขึ้นเหมือนกันนะ บางเรื่องๆใหม่ บางเรื่องๆเก่าที่ฉันรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ใส่ใจจะทำจริงจัง ครูก็ยกตัวอย่างไป ฉันก็นั่งอ่านไป ไม่เข้าใจก็ถามบ้าง (ซึ่งถามบ่อย ก็ไม่รู้นี่เนอะ คนมันซื่อ) ฉันชอบวิธีนำเสนอของครูที่เอาเรื่องเดิมๆมาเล่าในรูปแบบที่แตกต่างให้น่าสนใจขึ้น มันก็เหมือนงานเขียน เรื่องเดิมเล่าต่าง ความรู้สึกคนฟัง คนอ่านก็ต่างกันไปด้วย เรื่องๆหนึ่งเราแตกประเด็นได้มากมายถ้าเรามองให้กว้าง และถ้าเราจะเขียนอะไรต้องมั่นใจว่าเรื่องของเรามีประโยชน์ มีคุณค่าต่อคนอ่าน นั่นคือเรื่องแรกเลยที่ฉันได้จากครู

นอกจากความรู้ที่ได้อยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้เพิ่มมาคือทัศนคติ มุมมองใหม่ๆ เราคุยกันหลายเรื่อง และบางเรื่องเราก็คิดไม่ตรงกันนัก เช่น เรื่องการเขียน ครูบอกเขียนไปเถอะ ไม่ต้องไปคาดหวังว่าคนจะด่า จะชมอะไร ฉันก็รู้หรอกนะหลักการ แต่เอาเข้าจริงๆทุกคนก็แอบหวังทั้งนั้นแหละว่าจะมีคนชอบงานเราบ้าง ฉันคิดว่าครูก็เคยเป็นเหมือนกันแหละ ไม่ใช่แค่คิดหรอก ฉันถามไปเลยล่ะ แต่ครูบอกว่า ถ้าครูคิดแบบนั้นตั้งแต่โพสต์กระทู้แรกในพันทิป ความท้อคงแดกครูก่อน ไม่ได้เป็นครูมาจนทุกวันนี้หรอก

อ้าว! ฉันคิดไปเองคนเดียวหรือนี่ ว่าทุกคนก็แอบหวังเหมือนกัน ก็จริงของครู เราแค่เขียนในสิ่งที่อยากเขียน ใครจะด่าจะชมก็ช่างเขา ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราเขียนดี มีประโยชน์ ถ้ามีความสุขที่จะเขียนก็เขียนต่อไป คนเขียนด้วยใจจะไม่ต่อรองคนอ่าน ไม่มีใครถูกหวยในงวดแรก เขียนครั้งแรกจะไปหวังให้คนชอบได้ยังไง เราบังคับใจใครไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือใจตัวเอง (ซึ่งยากมาก) แต่มันต้องได้สิ ครูยังทำได้เลย ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ

อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ ฉันรู้สึกว่าคนที่เขามีประสบการณ์มากๆ ผ่านอะไรมาเยอะๆแบบครู (อันนี้ไม่ได้ว่าแก่นะคะ^^)
เขาจะมองเห็นอะไรที่กว้างกว่าเรา อดทนมากกว่า พยายามมากกว่าหลายเท่า ฉันคงยกตัวอย่างอธิบายไม่ถูก แค่ความรู้สึกโดยรวมหลังจากคุยกัน ถ้าเราอยากเก่ง อยากได้แบบเขาก็ต้องทำให้ได้เหมือนเขา พยายามเหมือนเขา แต่ถ้าเรายังยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ก็ไม่ต้องไปคิดถึงความสำเร็จ โอกาสมาเยี่ยมคนอดทนเป็นสันดาน ไม่ใช่คนขี้แพ้

ขอบคุณครูที่เสียเวลามาเล่าอะไรให้ใครก็ไม่รู้ฟัง แต่มันไม่เสียเปล่าหรอกค่ะ ถึงว่าที่ลูกศิษย์ของครูคนนี้จะบื้อสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจ และจะทำตามค่ะ

ส่วนคุณที่กำลังอ่าน อยากบอกว่าฉันมีอะไรที่ยังไม่เล่าอีกเยอะเลยล่ะค่ะ แต่ไม่เล่าดีกว่า อยากรู้ต้องเข้าไปหาผู้รู้เองนะคะ จะครูคนนี้หรือคนไหนๆ ถ้าเรากล้าทัก กล้าถาม เขาคงไม่ใจร้ายใจดำเมินเฉยหรอกค่ะ หรือถ้าเมินก็ทักคนอื่นก็ได้ คนที่รู้ไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่ามัวแต่รอให้ใครเอาโอกาสไปให้สิคะ ต้องวิ่งเข้าหามันบ้าง

ขอให้มีความสุขกับวันอาทิตย์ สวัสดีค่ะ   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น