หากกล่าวถึงประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา เชื่อว่าจังหวัดแรกที่หลายๆคนนึกถึงคงเป็น ‘จังหวัดอุบลราชธานี’ เมืองดอกบัวที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ด้วยประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีมีมานานนับร้อยปี
ตั้งแต่ครั้งสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นข้าหลวงใหญ่ดูแลมณฑลแห่งนี้ พระองค์ได้ทรงให้ยกเลิกงานบุญบั้งไฟ เนื่องจากมีการบาดเจ็บล้มตายจากงานประเพณีดังกล่าว และเปลี่ยนมาเป็นงานแห่เทียนเข้าพรรษาแทน จากงานเล็กๆ จากการทำต้นเทียนแบบง่ายๆ กลายมาเป็นงานประเพณีอันยิ่งใหญ่ และต้นเทียนที่วิจิตรงดงามตระการตาเฉกเช่นปัจจุบัน
กว่าจะมาเป็นต้นเทียนแต่ละต้น ชาวบ้านแต่ละคุ้ม แต่ละหมู่บ้าน หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ต่างช่วยกันรวบรวมปัจจัยเพื่อสร้างต้นเทียนอำเภอของตน ท้องที่ของตนขึ้นมา เลือกสรรช่างแกะสลักที่มีความสามารถ มีใจรักในงาน ช่วยกันคิดค้นออกแบบต้นเทียนให้มีความประณีตงดงาม พร้อมทั้งสอดแทรกคติธรรม ตลอดจนเรื่องราวทางวรรณคดีหรือทางพระพุทธศาสนา เพื่อถ่ายทอดให้ชาวพุทธ นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปได้รับชม อีกทั้งยังต้องตระเตรียมการแสดง ขบวนแห่ต่างๆให้สวยงาม โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละท้องที่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้มาร่วมงานทุกคน ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาเป็นต้นเทียนแต่ละต้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีงานประเพณีแห่เทียนพรรษาในแต่ละปี แต่ถึงกระนั้นเราชาวอุบลราชธานีต่างยินดี เต็มใจ และภูมิใจที่ได้สืบสานและสืบทอดประเพณีอันงดงามนี้
แม้ท้ายที่สุดแล้วต้นเทียนอำเภอของตน ท้องที่ของตนจะไม่ได้รับรางวัลใดๆ ต้องเสียทรัพย์สิน แรงกาย แรงใจมากแค่ไหน คนภายนอกอาจมองว่าเป็นการทุ่มเทที่สูญเปล่า แต่เราก็จะยังคงทำต่อไป และจะทำให้ดีขึ้นในทุกๆปี เพราะเราต่างก็ทราบดีว่า เราได้ช่วยสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดอุบลราชธานีของเรา ได้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้มีรายได้เข้าสู่จังหวัดมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดเราต่างได้รับความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดประเพณีแห่เทียนพรรษาอันดีงามให้เป็นมรดกตกทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น