เป็นเวลาหลายปีที่เฟสบุ๊คเข้ามามีอิทธิพลในบ้านเมืองเรา หลายปีที่ฉันได้เห็นแง่มุมต่างๆของคนในสังคมเฟสบุ๊คนี้ โลกเทคโนโลยีที่เปิดกว้าง ทำให้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น เข้าถึงเรื่องราวต่างๆได้ง่ายขึ้น และกล้าแสดงออกมากขึ้นตามไปด้วย
กล้าแสดงออกจนบางครั้งอาจหลงลืมไปว่า บ้านเฟสบุ๊คหลังนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คุณเท่านั้น
แม้เฟสบุ๊คจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว หากแต่เป็นพื้นที่ส่วนตัว...สาธารณะ ที่เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม บางคนใช้บ้านหลังนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ญาติมิตร บางคนใช้บ้านเป็นที่พักพิงของคนยากไร้ ส่งต่อเรื่องราวเหล่านั้นให้คนในสังคมได้รับรู้และช่วยเหลือ
หากแต่บางคน หรือแม้แต่ตัวฉันเองในบางเวลา เลือกที่จะใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ระบายความรู้สึก โกรธ โมโห เศร้า เสียใจ ผิดหวัง เราเขียนทุกความรู้สึกไว้เต็มผนังบ้าน ไม่ว่าจะไม่พอใจเรื่องอะไรหรือใคร ไม่ว่าจะรู้สึกแบบไหน เราก็มักจะเขียนทุกอย่างลงไป เพราะเราคิดอยู่เสมอว่ามันคือพื้นที่ส่วนตัว ทั้งที่ในความเป็นจริงเราต่างก็รู้ดีว่า พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ไม่ได้มีเพียงเราเท่านั้น
ทุกถ้อยคำ ทุกข้อความ เพื่อนที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านของเราย่อมมองเห็น ย่อมสัมผัสได้ แม้ว่าข้อความนั้นอาจพูดถึงคนอื่น แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเพื่อนที่เห็นจะไม่นำไปบอกต่อหรือบางครั้งเราอาจจะโมโหจนเผลอบ่นว่าเพื่อนโดยไม่ตั้งใจ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะอยากระบาย แต่หากเพื่อนคนนั้นได้เห็น และเลือกที่จะไประบายผ่านบ้านของเขา ในมุมมองของเขาล่ะ จากเรื่องเล็กๆอาจปานปลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
ฉันเห็นเพื่อนหลายต่อหลายคนต้องผิดใจกัน แทบจะเลิกเป็นเพื่อนกัน เพราะเฟสบุ๊คนี้ก็มาก บางคนใช้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้เป็นที่ห้ำหั่นทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นจนแทบจะมองหน้ากันไม่ติดในชีวิตจริงก็เยอะ หรือถ้าโชคดีหากแม้เพื่อนคนนั้นไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้คุณไม่สบายใจ แต่เชื่อเถอะว่าลึกๆแล้ว เขารู้สึก เพียงแค่เขาเลือกที่จะเงียบเพื่อรักษามิตรภาพก็เท่านั้น แต่การเงียบไม่ได้หมายความว่าจะลืม
แม้เฟสบุ๊คจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว หากแต่เป็นพื้นที่ส่วนตัว...สาธารณะ ที่เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม บางคนใช้บ้านหลังนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ญาติมิตร บางคนใช้บ้านเป็นที่พักพิงของคนยากไร้ ส่งต่อเรื่องราวเหล่านั้นให้คนในสังคมได้รับรู้และช่วยเหลือ
หากแต่บางคน หรือแม้แต่ตัวฉันเองในบางเวลา เลือกที่จะใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ระบายความรู้สึก โกรธ โมโห เศร้า เสียใจ ผิดหวัง เราเขียนทุกความรู้สึกไว้เต็มผนังบ้าน ไม่ว่าจะไม่พอใจเรื่องอะไรหรือใคร ไม่ว่าจะรู้สึกแบบไหน เราก็มักจะเขียนทุกอย่างลงไป เพราะเราคิดอยู่เสมอว่ามันคือพื้นที่ส่วนตัว ทั้งที่ในความเป็นจริงเราต่างก็รู้ดีว่า พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ไม่ได้มีเพียงเราเท่านั้น
ทุกถ้อยคำ ทุกข้อความ เพื่อนที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านของเราย่อมมองเห็น ย่อมสัมผัสได้ แม้ว่าข้อความนั้นอาจพูดถึงคนอื่น แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเพื่อนที่เห็นจะไม่นำไปบอกต่อหรือบางครั้งเราอาจจะโมโหจนเผลอบ่นว่าเพื่อนโดยไม่ตั้งใจ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะอยากระบาย แต่หากเพื่อนคนนั้นได้เห็น และเลือกที่จะไประบายผ่านบ้านของเขา ในมุมมองของเขาล่ะ จากเรื่องเล็กๆอาจปานปลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
ฉันเห็นเพื่อนหลายต่อหลายคนต้องผิดใจกัน แทบจะเลิกเป็นเพื่อนกัน เพราะเฟสบุ๊คนี้ก็มาก บางคนใช้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้เป็นที่ห้ำหั่นทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นจนแทบจะมองหน้ากันไม่ติดในชีวิตจริงก็เยอะ หรือถ้าโชคดีหากแม้เพื่อนคนนั้นไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้คุณไม่สบายใจ แต่เชื่อเถอะว่าลึกๆแล้ว เขารู้สึก เพียงแค่เขาเลือกที่จะเงียบเพื่อรักษามิตรภาพก็เท่านั้น แต่การเงียบไม่ได้หมายความว่าจะลืม
ฉันไม่ได้มีเจตนาหวงห้ามหรือทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจในการขีดเขียนอะไรลงไปในผนังบ้านเฟสบุ๊คของคุณ หากแต่อยากให้ลองพิจารณาดูสักนิดก่อนจะเขียนบางสิ่งบางอย่างลงไป บางสิ่งบางอย่างที่อาจส่งผลต่อคุณหรือคนรอบข้างในภายหลัง บางสิ่งบางอย่างที่อาจทำลายมิตรภาพดีๆของคุณ
หยุดคิดสักนิดว่าคุณต้องการแบบนั้นจริงๆ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือไม่
หยุดคิดสักนิดว่าคุณต้องการแบบนั้นจริงๆ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือไม่
'ถ้าคำพูดเป็นสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้
ข้อความในผนังบ้านที่ชื่อว่าเฟสบุ๊คก็เช่นกัน'
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น