วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ - SOUND ABOUT ไม่ได้ฟัง แต่ยังได้ยิน


เพราะหาไอเดียวาดภาพประกอบนิทาน (ซึ่งวาดไม่เป็นเลย^^ ) 
ทำให้ฉันได้อ่านหนังสือน่ารักๆ เล่มนี้


‘SOUND ABOUT ไม่ได้ฟัง แต่ยังได้ยิน
หนัง(สือ)สั้น ของ คิ้วต่ำ นักเขียนที่หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อ หรือเคยอ่านงานเขียนของเขามาบ้างแล้ว

SOUND ABOUT ไม่ได้ฟัง แต่ยังได้ยิน ถ่ายทอดเรื่องราวของ กระดุมสาวน้อยคนหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของผู้หญิงธรรมดา รัก เศร้า ดีใจ เสียใจ ความรู้สึกธรรมดาที่ใครๆก็รู้สึกได้

เริ่มเรื่องด้วยการถูกบอกเลิกในวันปัจฉิมนิเทศ ความดีใจในวันจบการศึกษาถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดในไม่กี่นาทีต่อมา กระดุมจมอยู่กับความเศร้าใจ เสียใจ โชคดีที่มีพ่ออยู่ข้างๆ และให้แง่คิดดีๆในการใช้ชีวิตต่อ เป็นแง่คิดง่ายๆที่หลายๆคนอาจจะหลงลืมไป

เธอสอบเข้ามหาลัยในคณะที่อยากเรียนได้ และที่นี่ก็ทำให้เธอได้เจอ บอลแฟนเก่าของเธออีกครั้ง และโลกก็ยังเหวี่ยงให้เธอมาเป็นติวเตอร์ให้ น็อตกับ ทิวสองหนุ่มเพื่อนซี้ที่อยากเรียนศิลปะ หรือบางทีเหตุผลที่เรียนอาจไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด เขาเหล่านั้นก็เข้ามาพร้อมเรื่องราวต่างๆให้กระดุมได้เรียนรู้

ด้วยภาษาที่อ่านง่าย ภาพประกอบน่ารัก และบทเพลง ไม่ได้ฟัง แต่ยังได้ยินถ่ายทอดโดยผ่านเสียงร้องเพราะๆของอ้อน ลัคนา ซึ่งให้โหลดฟรีเป็นการขอบคุณผู้อ่าน
ผสมผสานกับเนื้อเรื่องที่ถ่ายทอดความรู้สึกธรรมดาๆ ของคนธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างสวยงาม

ทำให้ ‘SOUND ABOUT ไม่ได้ฟัง แต่ยังได้ยิน
เป็นหนังสือธรรมดาที่น่ารักอีกเล่มหนึ่งที่ฉันจะเก็บไว้ในชั้นหนังสือเล็กๆของฉัน^^

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พลังงาน...



เมื่อพูดถึง พลังงาน หลายคนคงนึกถึงพลังงานถ่านหิน พลังงานปิโตรเลียม พลังงานแสงอาทิตย์ หรือแหล่งพลังงานธรรมชาติอื่นๆ ที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา

แต่หารู้ไม่ มีพลังงานอย่างหนึ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ พลังงานที่เกิดจากตัวเราเอง พลังงานที่เกิดจากความคิด ความเชื่อ ทัศนคติของเราเอง พลังงานนี้ต่างหากที่มีบทบาทต่อชีวิตเราเหนืออื่นใด

เคยสังเกตไหม ยิ่งเราคิดมาก วิตกกังวล หมกมุ่นกับปัญหามากเท่าไหร่ เรายิ่งคิดไม่ออก ปัญหาเดิมยังไม่จบ ปัญหาใหม่ๆกลับถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ จนแทบรับมือไม่ไหว นั่นเป็นเพราะเรากำลังคิดลบ พลังงานที่แผ่ออกมาจึงเป็นพลังงานลบ ดึงดูดแต่สถานการณ์ลบๆ เข้ามา ยิ่งเราหมกมุ่น คิดลบมากเท่าไหร่ ความคิดนั้นจะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรม ผลักดันคนดีๆ คนคิดบวกให้ออกห่างจากเราไปเรื่อยๆ

ตรงข้ามกับพลังงานบวกที่เกิดจากความคิดดี มองโลกในแง่ดี มีน้ำใจ หวังดี ปรารถนาดีต่อผู้อื่น พลังงานที่ส่งออกมาจะดึงดูดคนดีๆสิ่งดีๆเข้ามาหาเรา เพราะสิ่งดีๆย่อมดึงดูดสิ่งดีๆด้วยกัน ต่อให้มีคนที่มีจิตใจไม่ดีหลงเข้ามาบ้าง แต่สุดท้ายพลังงานบวกจะผลักให้คนเหล่านั้นออกไปเอง หรือหากโชคดีกว่านั้นพลังงานของเราอาจไปลดทอนพลังงานลบ และเติมเต็มพลังงานบวกให้คนเหล่านั้นได้

ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติของคุณเป็นตัวสร้างพลังงานของคุณเอง อยากมีชีวิตแย่ๆก็จงอยู่กับความคิดลบ พลังงานลบต่อไป แต่ถ้าอยากให้ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ โอกาสดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ก็จงสร้างสรรค์มันขึ้นมา สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง และเมื่อใดที่คุณสร้างมันได้แล้ว จงส่งต่อพลังงานความดีนี้ไปเรื่อยๆเผื่อแผ่ไปยังคนที่กำลังทุกข์ใจ ไม่สบายใจ มอบกำลังใจให้เขา มอบความรู้สึกดีๆให้เขา ช่วยเติมเต็มพลังงานบวกให้เขา ยิ่งคุณหวังดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ พลังงานบวกก็จะดึงดูดสิ่งดีๆคนดีๆ โอกาสดีๆเข้ามาหาคุณมากเท่านั้น

อย่ากลัวที่จะเห็นใครได้ดีกว่า จงกลัวที่คุณรู้สึกแบบนั้น เพราะเมื่อใดที่รู้สึกแบบนั้น นั่นหมายถึงคุณกำลังสร้างพลังงานลบมาทำลายตัวของคุณเอง

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กำลังใจแรกในฐานะนัก(หัด)เขียน





หนูจะเอารูปโน๊ตบุ๊คไปติดหน้าออมสินหมูของหนู หนูอยากได้โน๊ตบุ๊คคำพูดซื่อๆของหนูน้อยวัยเก้าขวบพูดขึ้น หลังจากอ่านซีรี่ย์นิทานการเงินจบ ถึงจะเป็นแค่เด็กคนเดียวในจำนวนหลายๆคนที่อ่าน แต่นั่นเป็นยิ่งกว่ากำลังใจ เป็นความรู้สึกดีมากๆ มากจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ

เคยคิดว่า แค่คนอ่านสนุก ชอบในสิ่งที่เราเขียนก็เพียงพอแล้ว  แต่พอได้สัมผัสความรู้สึกนี้ มันดีกว่าเป็นไหนๆ มันทำให้เราอยากเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เขียนให้เด็กหลายๆคนอ่าน อ่านแล้วรู้สึกอยากออมเงินจริงจังเหมือนเด็กคนนี้ อ่านแล้วเชื่อว่าเขาทำได้จริงๆ

มีคนเคยบอกว่างานเขียนเปลี่ยนชีวิตคนอ่านได้ แต่รู้อะไรไหม มันไม่ได้เปลี่ยนแค่ชีวิตคนอ่านหรอก ชีวิตคนเขียนเองก็เช่นกัน ทั้งคำติ คำชมจากคนอ่านมันทำให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมา

คำติที่ได้รับ มันทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย! ฉันต้องแก้ได้สิ ต้องทำได้แน่ๆ ไม่เคยทำ ก็ลองดูก่อน ค่อยๆหัดไปต้องได้อยู่แล้วน่า

ส่วนคำชมที่ได้มา แน่นอนเป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลยล่ะ มันทำให้อยากเขียน อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ให้คนที่รออ่านต้องผิดหวัง

งานเขียนมันกำลังเปลี่ยนฉันทีละนิด เปลี่ยนให้คนที่ง่ายๆ ทำตัวสบายๆกับทุกเรื่อง คนที่เขียนเอาแค่สนุก เขียนเพียงเพราะแค่ชอบ แล้วแอบหวังลมๆแล้งๆว่าอาจจะโชคดีได้มีหนังสือกับเขาบ้าง อยากลุกขึ้นมาทำอะไรจริงจัง อยากลองทำอะไรแบบที่ไม่เคยทำ อยากลุกขึ้นมาฝึกฝนตัวเองจริงๆ ไม่ใช่รอแค่ความโชคดีเหมือนที่ผ่านมา

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันอาจจะทำให้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆที่เคยมีเปลี่ยนไปบ้าง แต่คงคุ้มมากๆถ้าสามารถทำให้ใครหลายๆคนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้เด็กตัวเล็กๆรู้คุณค่าของการออม

และที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้มในตอนนี้ก็คือ ฉัน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วคุณล่ะคะ เคยพยายามเปลี่ยนหรือยัง

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตในเมืองชนบทเล็กๆ


ไม่คิดจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหรอ ไม่คิดถึงชีวิตในเมืองเหรอ
คำถามที่ได้ยินบ่อยๆจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องทั้งหลาย

อนาคตมันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ แต่ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ ก็ตอบเลยว่า ไม่
ชีวิตง่ายๆในเมืองชนบทเล็กๆแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

อยากสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ไม่ต้องไปไหนไกล แค่ตื่นเช้า เปิดหน้าต่างก็สูดออกซิเจนได้เต็มปอดแล้ว

ที่นี่อาจไม่สะดวกสบายในการเดินทาง ไม่มีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ต้องขับรถไปไหนมาไหนเอง
แต่ก็ไม่มีรถติดให้หงุดหงิดใจ แถมมีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีตลอดเส้นทาง

อยากดูดาว ในวันที่ฟ้าเปิด ไร้ฝน แค่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ก็เห็นดวงดาวสว่างไสวเต็มท้องฟ้าแล้ว

ได้อยู่กับครอบครัว แวดล้อมด้วยคนดีๆน่ารักๆ แค่นี้ก็สุขพอแล้วไม่ใช่เหรอ

เราอาจจะคิดถึงชีวิตเมืองกรุงบ้าง คิดถึงเพื่อนๆที่โน่น คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ
อยากไปเที่ยว อยากไปเจอ อยากไปหา
แต่เราคิดภาพตัวเองตอนแก่ในเมืองนั้นไม่ออกเลยจริงๆ

ไม่แน่นะ ถ้าคุณได้มาสัมผัสชีวิตชนบทแบบเรา อาจหลงเสน่ห์จนไม่อยากกลับกรุงเลยก็ได้^^
แล้วอาจเป็นเราที่ถามคำถามนี้แทน

ไม่คิดจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหรอ ไม่คิดถึงชีวิตในเมืองเหรอ’ ^_______^


                                                     



วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทพิสูจน์ บทที่ 1


ฉันเขียนเรื่องนี้ในวันที่รู้สึกล้า สับสนกับเส้นทางที่กำลังก้าวไป 
เส้นทาง...นักเขียน
เกือบเดือนที่ฉันเข้ามาอยู่ในแวดวงบุคคลที่รักการเขียน ฉันได้รับความรู้ แง่คิดต่างๆมากมาย ฉันรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้ มีความสุขที่ได้เขียน ปลื้มใจทุกครั้งที่มีคนอ่านชอบงานเขียนของฉัน แม้จะเพียงแค่ไม่กี่คน แต่นั่นคือกำลังใจสำคัญของฉัน
แต่แล้วบทพิสูจน์ของฉันก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อฉันตัดสินใจเรียนรู้อย่างจริงจัง
การบ้านชิ้นแรกจากครู 'เมื่อฉันได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับครูคนหนึ่ง'
หัวข้ออาจฟังดูง่ายดาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องเขียน โดยมีคนกำหนดหัวข้อ กำหนดวันส่ง เพราะรู้สึกว่าต้องเขียนส่ง เพราะรู้สึกว่าต้องทำให้ดี ทำให้ฉันกดดันตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ฉันตื่นมาตอนเช้าด้วยความรู้สึกว่าต้องทำ ต้องส่งงานครู แต่ฉันกลับไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์จะเขียน จะเริ่มต้นอะไรด้วยซ้ำ
ความสุขที่ทำ ความสนุกที่มีของฉันหายไป ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น
จนฉันอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า ฉันชอบงานเขียนจริงๆหรือ ชอบจริงๆใช่ไหม ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่เลย
มันไม่ง่ายสักนิดที่จะก้าวผ่านความรู้สึกนั้น และมันคงยากมาก ถ้าเราเอาแต่หมกหมุ่นคิดเพียงลำพัง ฉันตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนอาจไม่มีคำแนะนำอะไรมากมาย แต่สิ่งที่มีให้เต็มเปี่ยมคือกำลังใจ 'แกทำได้อยู่แล้ว แกทำได้ดีแน่ๆ ลองทำไปก่อน ถ้าไม่ไหวแกก็พักก็ได้'
จริงสินะ ฉันกำลังเครียดเกินไปหรือเปล่า ที่ผ่านมาเพราะฉันมีความสุข สนุกกับสิ่งที่ทำ ฉันถึงทำได้ดี ไม่ใช่เพราะความเครียด ความกดดันแบบนี้
ฉันตัดสินใจวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ ไปทำอย่างอื่นให้สบายใจ ให้ตัวฉันคนเดิมกลับมา ตัวฉันที่ไม่ใช่ยัยคนคิดมากคนนี้
พอเก็บยัยคนคิดมากใส่กล่อง ล็อคกุญแจเรียบร้อย ฉันกลับรู้สึกว่ามันง่ายมากเลยที่จะเขียนเรื่องนี้ ก็เหมือนที่ครูบอก อยากเขียนอะไรก็เขียนไป อย่าไปคิดกังวลว่าใครจะชม จะด่า ให้เขียนถึงครู ฉันก็แค่เล่าความรู้สึกที่มี ความรู้ มุมมองใหม่ๆที่ได้รับก็เท่านั้น จำได้แค่ไหน ก็ใส่มันแค่นั้น ไม่ต้องไปคิดกังวลว่าครูจะว่าอย่างไร แค่เขียนตามความรู้สึก เขียนในสิ่งที่อยากเขียน ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองก็พอ
และบทความ 'เมื่อฉันได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับครูคนหนึ่ง' ก็เสร็จสิ้นด้วยดี เพียงเวลาไม่นาน แม้ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ฉันถือว่าฉันได้ทำเต็มที่แล้ว และฉันก็สนุกตอนที่เขียนมันออกมา
แน่นอน ฉันเริ่มเขียนเรื่องนี้ในวันที่ฉันสับสน แต่ฉันเขียนมันจบในวันที่ฉันเอาชนะใจตัวเองได้
แต่บทพิสูจน์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เป็นบทพิสูจน์เล็กๆบทหนึ่งที่จะพิสูจน์ว่าฉันแข็งแกร่งพอที่จะเดินบนเส้นทางนี้หรือไม่
'ขอบคุณแกมากนะที่คอยรับฟัง และให้กำลังใจฉัน ขอบคุณจริงๆ'

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เมื่อฉันได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับครูคนหนึ่ง

ฉันมีโอกาสได้รู้จักครูคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก แต่เป็นการรู้จักที่เกิดจากความตั้งใจของฉันเอง ครูเป็นสมาชิกในกลุ่มๆหนึ่งที่ฉันติดตามอยู่ เป็นคนที่คอมเม้นต์อะไรแต่ละอย่างนี่ชัดเจนมาก เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด มั่นใจมาก จนฉันแอบหมั่นไส้เบาๆ แหม ถ่อมตัวบ้างก็ดีนะคุณ คนอะไรจะมั่นใจปานนั้น จริงๆนะ ถ้าคุณเคยอ่านคอมเม้นต์ของเขา คุณก็จะคิดเหมือนฉันนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยอมรับว่าชอบทุกโพสต์ของเขา อ่านแล้วมีประโยชน์จริงๆ ทำได้จริง คนแบบนี้น่าสนใจ น่าจะมีอะไรพิเศษบางอย่าง นั่นคือความคิดของฉันก่อนจะส่งคำขอเป็นเพื่อนครูในเฟสบุ๊ค

วันแรกที่คุยกัน ครูทักมาหลังจากเห็นคำขอเป็นเพื่อนของฉัน...
ใช่เหรอ ฮ่าๆ ไม่หรอกค่ะ ฉันนี่แหละทักไป ก็แหม อยากรู้จักครู อยากเรียน อยากรู้ ก็ต้องกล้าเข้าหาสิคะ จริงไหม ถึงจะอาย แต่อายครูไม่รู้วิชานะเออ กล้าๆเข้าไว้ เราไม่ได้กำลังจะจีบหนุ่มสักหน่อย แค่จีบครูแค่นั้นเอง ฮ่าๆๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ แค่จีบสอนต่างหากล่ะ ^^

แค่วันแรกที่คุย หลังจากทำใจกล้าทักไปก่อน ยอมรับเลยว่าคุ้ม คุยกับครูได้อะไรในหัวกลับไปเยอะ มิน่าถึงได้มั่นใจขนาดนั้น ก็เขามีดีให้มั่นใจจริงๆ (ไม่หมั่นไส้แล้วก็ได้)

เราคุยกันสบายๆ ไม่ได้เป็นบทเรียนจริงจัง แกไม่มีตำราสอน ฉันก็ไม่มีสมุดจด (แต่ตอนนี้จดแล้ว) แต่ฉันว่าฉันได้หลายอย่างเพิ่มขึ้นเหมือนกันนะ บางเรื่องๆใหม่ บางเรื่องๆเก่าที่ฉันรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ใส่ใจจะทำจริงจัง ครูก็ยกตัวอย่างไป ฉันก็นั่งอ่านไป ไม่เข้าใจก็ถามบ้าง (ซึ่งถามบ่อย ก็ไม่รู้นี่เนอะ คนมันซื่อ) ฉันชอบวิธีนำเสนอของครูที่เอาเรื่องเดิมๆมาเล่าในรูปแบบที่แตกต่างให้น่าสนใจขึ้น มันก็เหมือนงานเขียน เรื่องเดิมเล่าต่าง ความรู้สึกคนฟัง คนอ่านก็ต่างกันไปด้วย เรื่องๆหนึ่งเราแตกประเด็นได้มากมายถ้าเรามองให้กว้าง และถ้าเราจะเขียนอะไรต้องมั่นใจว่าเรื่องของเรามีประโยชน์ มีคุณค่าต่อคนอ่าน นั่นคือเรื่องแรกเลยที่ฉันได้จากครู

นอกจากความรู้ที่ได้อยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้เพิ่มมาคือทัศนคติ มุมมองใหม่ๆ เราคุยกันหลายเรื่อง และบางเรื่องเราก็คิดไม่ตรงกันนัก เช่น เรื่องการเขียน ครูบอกเขียนไปเถอะ ไม่ต้องไปคาดหวังว่าคนจะด่า จะชมอะไร ฉันก็รู้หรอกนะหลักการ แต่เอาเข้าจริงๆทุกคนก็แอบหวังทั้งนั้นแหละว่าจะมีคนชอบงานเราบ้าง ฉันคิดว่าครูก็เคยเป็นเหมือนกันแหละ ไม่ใช่แค่คิดหรอก ฉันถามไปเลยล่ะ แต่ครูบอกว่า ถ้าครูคิดแบบนั้นตั้งแต่โพสต์กระทู้แรกในพันทิป ความท้อคงแดกครูก่อน ไม่ได้เป็นครูมาจนทุกวันนี้หรอก

อ้าว! ฉันคิดไปเองคนเดียวหรือนี่ ว่าทุกคนก็แอบหวังเหมือนกัน ก็จริงของครู เราแค่เขียนในสิ่งที่อยากเขียน ใครจะด่าจะชมก็ช่างเขา ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราเขียนดี มีประโยชน์ ถ้ามีความสุขที่จะเขียนก็เขียนต่อไป คนเขียนด้วยใจจะไม่ต่อรองคนอ่าน ไม่มีใครถูกหวยในงวดแรก เขียนครั้งแรกจะไปหวังให้คนชอบได้ยังไง เราบังคับใจใครไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือใจตัวเอง (ซึ่งยากมาก) แต่มันต้องได้สิ ครูยังทำได้เลย ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ

อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ ฉันรู้สึกว่าคนที่เขามีประสบการณ์มากๆ ผ่านอะไรมาเยอะๆแบบครู (อันนี้ไม่ได้ว่าแก่นะคะ^^)
เขาจะมองเห็นอะไรที่กว้างกว่าเรา อดทนมากกว่า พยายามมากกว่าหลายเท่า ฉันคงยกตัวอย่างอธิบายไม่ถูก แค่ความรู้สึกโดยรวมหลังจากคุยกัน ถ้าเราอยากเก่ง อยากได้แบบเขาก็ต้องทำให้ได้เหมือนเขา พยายามเหมือนเขา แต่ถ้าเรายังยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ก็ไม่ต้องไปคิดถึงความสำเร็จ โอกาสมาเยี่ยมคนอดทนเป็นสันดาน ไม่ใช่คนขี้แพ้

ขอบคุณครูที่เสียเวลามาเล่าอะไรให้ใครก็ไม่รู้ฟัง แต่มันไม่เสียเปล่าหรอกค่ะ ถึงว่าที่ลูกศิษย์ของครูคนนี้จะบื้อสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจ และจะทำตามค่ะ

ส่วนคุณที่กำลังอ่าน อยากบอกว่าฉันมีอะไรที่ยังไม่เล่าอีกเยอะเลยล่ะค่ะ แต่ไม่เล่าดีกว่า อยากรู้ต้องเข้าไปหาผู้รู้เองนะคะ จะครูคนนี้หรือคนไหนๆ ถ้าเรากล้าทัก กล้าถาม เขาคงไม่ใจร้ายใจดำเมินเฉยหรอกค่ะ หรือถ้าเมินก็ทักคนอื่นก็ได้ คนที่รู้ไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่ามัวแต่รอให้ใครเอาโอกาสไปให้สิคะ ต้องวิ่งเข้าหามันบ้าง

ขอให้มีความสุขกับวันอาทิตย์ สวัสดีค่ะ   

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน อดออม อดทน ตอนที่ 3 (ตอนจบของ อดออม อดทน)




จริงๆฉันยังโกรธแม่เรื่องเมื่อวานอยู่นะ แต่โกรธไปก็เท่านั้น แม่ก็เอาแต่หัวเราะฉันทุกทีที่คุยเรื่องนี้กัน ฉันจะไม่คุยแล้วล่ะ แต่ฉันจะทำให้แม่เห็น วันนี้วันเปิดเทอมวันแรก ฉันต้องอารมณ์ดี สดใสๆสิ ไม่โกรธๆ ยิ้มๆ ^^

โอเค ฉันยิ้มได้แล้วล่ะ สิ่งที่ฉันต้องทำอย่างแรกในวันเปิดเทอม คืออะไรรู้ไหม
ก็เปิดของขวัญของลุงเต่ายังไงล่ะ ดูสิมีอะไรๆ ลุ้นๆๆ
โอ๊ย ฉันตื่นเต้นนะเนี่ย อะไรอยู่ในนี้นะ

ฉันค่อยๆแกะกล่องของขวัญทีละนิด
ทีละนิด
ทีละนิด
แล้วก็...

เอ๊ะ! จดหมาย
แค่จดหมายเนี่ยนะ โห ลุงเต่า ทำเอาฉันลุ้นจะแย่ แค่จดหมาย ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย
เฮ้อ...ไว้ค่อยมาอ่านแล้วกัน

ฉันเก็บกระเป๋า เตรียมตัวขึ้นรถโรงเรียน รถโรงเรียนฉันเป็นรูปดอกทานตะวันด้วยแหละ ฉันอยู่ห้องทานตะวันเหมือนการ์ตูนชินจังเลย แต่ฉันไม่ซนเหมือนชินจังหรอกนะ

สวัสดีบราวนี่ เป็นไงเปิดเทอม
ฉันสบายดีจ้า เจี๊ยบล่ะฉันถามกลับ
ก็ดีนั่นแหละที่เพื่อนรักของฉันตอบ เขาชื่อเจี๊ยบ

เจี๊ยบเป็นลูกไก่ตัวผู้ ตัวเหลืองๆน่ารัก เจี๊ยบนิสัยดีนะ แต่พูดไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยมีคนคบนัก
เจี๊ยบบอกว่า เจี๊ยบทำตามไอดอลของเขาที่เป็นเจ้าของเพจ ชื่อ เจี๊ยบด่วนๆ หรืออะไรประมาณนี้แหละ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าพูดไม่เพราะนัก ฉันก็ไม่อยากรู้จักหรอก แต่จะว่าไปเขาก็อาจจะเป็นไก่นิสัยดีก็ได้นะ ก็เจี๊ยบเพื่อนฉันยังนิสัยดีเลย

จริงๆ เวลาอยู่กับฉัน เจี๊ยบก็พูดเพราะกว่าอยู่กับเพื่อนคนอื่นนะ อาจจะกลัวไม่มีเพื่อนเล่นเหมือนกัน ถึงจะบอกว่าไม่สนใจก็เถอะ  
แต่ฉันว่าถ้าเจี๊ยบพูดเพราะกับทุกคน คงมีเพื่อนเยอะกว่านี้ ก็เจี๊ยบจริงใจ นิสัยดี และบ้านเจี๊ยบก็รวยด้วย

เฮ้ แล้วปิดเทอมมีไรเจ๋งๆป๊ะบอกแล้วเจี๊ยบพูดไม่ค่อยเพราะ แต่นี่ดีขึ้นมากแล้ว อีกเดี๋ยวคงดีขึ้นกว่านี้ฉันว่า ฉันเองก็พยายามเตือนตลอด
พูดเพราะๆหน่อยสิจ๊ะ
โอเค เราจะพยายามนะ

ดีมากจ้าเพื่อนรัก ปิดเทอมเราได้เจอลุงเต่าตัวหนึ่ง ลุงบาดเจ็บมาสลบใกล้ๆบ้านเรา เรากับแม่เลยช่วยลุงไว้ ลุงเต่าใจดีมากเลยนะ ลุงสอนเรื่องออมเงิน สอนเราทำกระปุกความฝันด้วย
ปุกฝัน คือไร
กระปุกความฝันจ้า กระปุกความฝัน ก็เหมือนกระปุกออมสินเรานี่แหละ แต่ติดชื่อ ติดรูปความฝัน สิ่งที่เราอยากได้ไว้ ของเรามีโทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตาหมีพูดได้ แล้วก็เงินออมฉันตอบอย่างภาคภูมิใจ เจี๊ยบเป็นเด็กเหมือนฉัน คงเข้าใจ ไม่หัวเราะฉันเหมือนแม่แน่ๆ

แต่...

ฮ่าๆๆ ตั้ง 3 กระปุก แบบนี้อีกสิบปีโน่นแหละบราวนี่เพื่อนรัก ฮ่าๆๆเจี๊ยบหัวเราะอย่างสนุกสนาน

ฉันไม่ควรคาดหวังมากสินะ เจี๊ยบหัวเราะเหมือนแม่ บอกว่าอีกสิบปีเหมือนแม่ด้วย

ฉันเข้าใจที่ลุงเต่าบอกแล้วล่ะ
จำไว้ว่าไม่ว่าใครจะว่าอะไรหนูต้องมั่นใจในเป้าหมายของหนูนะ อย่าเลิกออมเด็ดขาด

ค่ะลุงเต่า หนูจะไม่เลิกออมเด็ดขาด หนูจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทุกคนคิดผิด หนูต้องทำได้ ได้เร็วกว่าสิบปีแน่ๆ
แต่หนูจะเริ่มยังไงดีนะ ออมเงินเท่านี้ มันคงอีกนานเลย ต้องมีวิธีดีๆสิ ต้องมีๆ

เอ๊ะ! หรือในจดหมายลุงเต่าจะมีคำตอบ

จบตอบ อดออม อดทน
ติดตามต่อในตอน....

.........................................................................

สวัสดีค่ะ บททดสอบเรื่องการออมของกระต่ายน้อยบราวนี่ของเราดำเนินมาตอนที่ 3 แล้วนะคะ ตอนนี้เป็นตอนจบของอดออม อดทน แต่มีตอนต่อไปแน่นอนค่ะ แต่ตุ๊กคงต้องขอพักการอัพซีรี่ย์ชุดนี้ไว้ก่อน
ขอไปปรับเพิ่มอะไรเล็กน้อย ให้เนื้อหาในตอนนี้และตอนต่อๆไปไม่น่าเบื่อ เหมาะกับเด็กจริงๆ 
ส่วนบทความอื่นๆยังอัพเหมือนเดิมนะคะ 
ไว้เจอกับกระต่ายน้อยบราวนี่เร็วๆนี้ รับรองไม่นานเกินรอค่ะ

แล้วเช่นเคย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ :)


วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความสุข^^




ความสุขคืออะไรกันเหรอ
ความสุขอยู่ที่ไหน ทำไมใครๆต่างพยายามวิ่งไขว้คว้าเพื่อให้ได้มา
แต่สงสัยบ้างไหม ทำไมหลายๆครั้ง ยิ่งคว้าเท่าไหร่กลับยิ่งไกลออกไปทุกที

นั่นก็เพราะ เราพยายามมากเกินไปต่างหาก

สำหรับเรานะ ความสุข คือ การที่มีโอกาสตื่นมาในทุกๆเช้า
มีโอกาสใช้ชีวิตดีๆในอีกวัน
ได้อยู่กับครอบครัวที่รัก เพื่อนๆที่เข้าใจ
ได้ทำอะไรหลายๆอย่างที่อยากทำ
เพียงเท่านี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว

ลองมองความสุขให้เป็นเรื่องง่ายๆดูสิ
หัดยิ้มให้บ่อยขึ้น มองหาข้อดีของเรื่องเล็กๆรอบๆตัว แล้วยิ้มให้มัน
ไม่ต้องพยายามคิด พยายามเป็นอย่างใครเขา

โลกใบนี้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก
คนที่ร่ำรวยเพอร์เฟคในสายตาคุณ
จริงๆแล้วเขาอาจจะอยากเป็นคนธรรมดาในแบบที่คุณเป็นก็ได้

แค่พอใจในสิ่งที่เรามี ที่เราเป็น
แล้วทำทุกอย่างให้เต็มที่ ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

มอบความรัก มอบรอยยิ้มให้คนข้างๆดูสิคะ
แล้วคุณจะรู้ว่า ความสุขเป็นเรื่องง่ายๆที่อยู่รายล้อมรอบตัวคุณแค่นั้นเอง^^

.........................................................

สวัสดีวันศุกร์  ขอให้วันนี้เป็นวันสุขสำหรับทุกคน
อ่านจบก็ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดนะคะ
มีความสุขมากๆค่ะ :)

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน อดออม อดทน ตอนที่ 2



บราวนี่ ตื่นได้แล้วลูก ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง ตื่นๆๆเสียงแม่เรียกหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง เหมือนฝันเลย

บราวนี่ แม่เข้าไปแล้วนะ ตื่นได้แล้วแม่เปิดประตูเข้ามา หลังเคาะอยู่นานฉันก็ไม่ตื่น

ปกติฉันเป็นคนตื่นเช้านะ แม่แทบไม่ต้องมาปลุกเลย แต่เมื่อคืนฉันมัวแต่คิดเรื่องเงินในกระปุกความฝันเยอะไปหน่อย กว่าจะได้นอน ก็ดึกมากแล้ว


ตื่นแล้วค่ะแม่ ตื่นแล้วฉันงัวเงียตื่นขึ้น
ตื่นสายมากเลยนะวันนี้ ไปล้างหน้า แต่งตัวได้แล้ว ไปเก็บแครอทให้แม่หน่อย
นั่นแหละงานหลักฉันเลย ฉันชอบเก็บแครอท แล้วฉันก็ไปเก็บทุกเช้าเลย ฉันว่ามันสนุกดีออก แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมกระต่ายหลายๆตัวไม่ชอบ

ค่ะแม่ฉันรับปาก แม่กำลังจะออกจากห้องฉันไป แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นกระปุกความฝันของฉันก่อน

โทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตาหมีพูดได้ เงินออม อะไรกันเนี่ยบราวนี่แม่มองกระปุกความฝันของฉันด้วยสายตาประหลาด

กระปุกความฝันของหนูค่ะ หนูแบ่งเงินที่แม่ให้ใส่ลงไปทุกวันเลยนะคะ อีกเดี๋ยวหนูคงซื้อมันได้แน่นอนค่ะฉันบอกแม่อย่างภาคภูมิใจ ฉันหยอดกระปุกความฝัน ดูรูปข้างๆกระปุกทุกวัน คิดถึงวันที่ฉันซื้อของพวกนี้ได้อย่างลุงเต่าบอกทุกอย่าง ฉันภูมิใจจริงๆ

ฮ่าๆๆ ลูกยังหลับอยู่ใช่ไหม ตื่นๆตื่นได้แล้ว ฝันกลางวันจริงๆลูกฉัน ดูสิเนี่ยมีเงินเท่าไหร่ โห หนักเหมือนกันนะเนี่ย แต่แค่นี้ อีกสิบปีโน่นล่ะลูกถึงจะได้ ฮ่าๆๆ

หนูไม่ได้ฝันนะ ลุงเต่าบอกว่าที่บ้านเราจน เพราะไม่รู้จักออม หนูถึงเริ่มออมไง


บราวนี่จ๊ะ หนูก็รู้ว่าบ้านเราจน เลิกฝันกลางวันได้แล้ว หนูยังเด็ก หนูจะไปรู้อะไร

แม่ตะหากที่ไม่รู้อะไร หนูจะออมเงินซื้อของพวกนี้ให้ได้ แม่คอยดู


ฮ่าๆ จ้าๆ แม่ไม่เถียงกับหนูแล้ว อยากเก็บก็เก็บไป หนูซื้อได้แน่แต่คงอีกสิบปีโน่น พอๆตอนนี้ลุกไปล้างหน้า แต่งตัว แล้วไปเก็บแครอทให้แม่ได้แล้วแม่พูดจบก็เดินออกจากห้องฉันไป

แม่ใจร้าย ทำไมแม่ไม่เห็นเข้าใจฉันเลย แม่ต้องสนับสนุนฉันสิ ทำไมมาหัวเราะฉันแบบนี้
ฮือๆๆฉันนั่งร้องไห้เสียใจ ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ไม่ชอบๆ "ฮือๆ"

อีกตั้งสิบปีกว่าฉันจะซื้อได้ สิบปีเลยนะ...

แต่...

ฉันก็ได้เริ่มไม่ใช่หรอ ดีกว่าแม่ไม่เก็บเลย คอยดูนะฉันจะต้องทำให้ได้ ฉันจะทำให้แม่เห็นว่าแม่ตะหากที่ไม่รู้อะไร


โปรดติดตามตอนต่อไป

...........................................................................................

สวัสดีค่ะ เอาตอนที่ 2 ของอดออม อดทน มาฝากค่ะ บราวนี่กระต่ายน้อยของเราเจอบทพิสูจน์อีกขั้นแล้ว มาช่วยเป็นกำลังใจให้บราวนี่ด้วยกันนะคะ

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

จับมือกันแน่นๆ แบบนี้ตลอดไปนะ




เหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ข้างศาลพระพรหมเอราวัณที่ผ่านมา สร้างความเศร้าสลดใจให้ครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้พบเห็น และประชาชนคนไทยทุกคนจนเกินจะกล่าว 

ท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น แม้ผู้คนจะเสียใจ หวาดกลัวมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังอุ่นใจได้เสมอ คือ คนไทยจะไม่ทิ้งกัน เราจะจับมือกัน ช่วยเหลือกันทุกวิถีทาง 

การหลั่งไหลไปบริจาคโลหิตของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ 

มอเตอร์ไซต์รับจ้างไม่คิดค่าบริการกับผู้เดินทางไปบริจาค 

อาสาสมัครล่ามจีนที่มีจนเกินความต้องการเมื่อมีการร้องขอ 

อาสาตามหาเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายของคนที่โพสต์ขอความช่วยเหลือในสังคมออนไลน์ 

และอีกมากมายที่เราคนไทยพยายามช่วยเหลือกัน เฉกเช่นหลายๆครั้งที่เกิดภัยร้ายกับประเทศของเรา
เมื่อมีภัย ไม่มีสักครั้งที่คนไทยจะทอดทิ้งกัน
เมื่อมีภัย ไม่มีสักครั้งที่คนไทยไม่รักกัน 
เราจะจับมือกัน ช่วยเหลือกันเสมอ 

แต่เหตุใดหลังผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นไป เรากลับปล่อยมือกัน จับดาบมาฟาดฟันทำร้ายกันเองได้อย่างง่ายดาย

กี่ครั้งแล้วที่วัฏจักรเช่นนี้วนเวียนไป

ถึงเวลาหรือยังที่เราจะหยุดวัฏจักรนี้เสียที 

จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะจับมือกันให้แน่นกว่าเดิม แม้บางเรื่อง บางครั้ง เราอาจคิดต่าง เห็นต่างกันบ้าง แต่เรายังจับมือกันไว้ พยายามเข้าใจ และยอมรับในเหตุผลที่แตกต่าง

เวลาที่รู้สึกโมโหจนอยากทำร้ายอีกฝ่าย ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เราช่วยเหลือกันในครั้งนี้
เราเสียใจด้วยกัน เราร้องไห้ด้วยกัน ปลื้มใจ ดีใจที่ได้ช่วยเหลือกัน

จำความรู้สึกนี้ไว้ดีๆนะ
แล้วจับมือกันแน่นๆแบบนี้ตลอดไป


Photo: www.unity3d.in.th

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กลับบ้านเร็วขึ้นสักนิดก็ดีนะ...


เมื่อคืนหลังจากที่ฟังข่าว นอกจากความเศร้าสลดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สงสารผู้เคราะห์ร้ายจับใจ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนๆ ญาติๆที่อยู่กรุงเทพ จนต้องโทรถามไถ่กันวุ่นวาย ยังได้มุมมองอะไรบางอย่างจากแม่

เมื่อครั้งอยู่กรุงเทพ ต่อให้มีเหตุการณ์ประท้วง ชุมนุมขับไล่ มีการปะทะอะไรร้ายแรงแค่ไหน เราก็ยังใช้ชีวิตปกติ แค่เลี่ยงไม่ไปจุดเกิดเหตุเท่านั้น เราคิดเสมอว่าเราอยู่ในจุดที่ปลอดภัยไม่เห็นต้องกังวลอะไร แต่พ่อแม่ที่บ้านก็ยังโทรถามไถ่ตลอด แม้จะบอกว่าไม่ต้องห่วง ไม่ได้อยู่ใกล้พื้นที่อันตราย แต่ท่านก็ยังโทร จนบางครั้งเราคิดว่าท่านกังวลจนเกินไป

แต่พอเห็นสีหน้าของแม่เมื่อคืน ตอนที่บอกว่า ดีนะที่ลูกย้ายกลับมาอยู่บ้านแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเป็นห่วงแค่ไหน
ทั้งๆที่จุดเกิดเหตุไม่ได้ใกล้ที่ๆเราเคยพักด้วยซ้ำ ทั้งๆที่อย่างนั้น แต่ดูแม่กังวลมาก

เข้าใจแล้วล่ะ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แค่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ในพื้นที่นั้น จังหวัดนั้นที่ลูกอาศัยอยู่ คนเป็นพ่อเป็นแม่คงอดห่วงไม่ได้ ยิ่งพอรู้ว่าลูกยังอยู่ข้างนอก ยังไปซื้อของ เที่ยวสนุกกับเพื่อน ไม่ได้กลับห้องพักอย่างที่ควร ความห่วงยิ่งเท่าทวีคูณ
เราอาจจะคิดว่า เราอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่คนที่ทำได้แค่คอยฟังข่าวจากทีวี ได้ยินแค่เสียงผ่านโทรศัพท์คงห้ามไม่ให้เขากังวลไม่ได้

เราไม่กล้าชี้นำให้ใครใช้ชีวิตแบบไหนในสถานการณ์แบบนี้ จะระมัดระวังเป็นพิเศษ จะใช้ชีวิตสบายๆปกติก็เป็นสิทธิ์ของคุณ

แต่ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป อยากให้กลับบ้านเร็วขึ้นสักนิด ให้คนที่บ้านเขาเห็นว่าคุณกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว กลับเร็วขึ้นไม่กี่ชั่วโมงคงไม่ทำให้ชีวิตปกติของคุณเปลี่ยนแปลงมากนักหรอก ถือซะว่าเพื่อความสบายใจของคนที่รักและเป็นห่วงคุณ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านเหตุการณ์ร้ายๆนี้ไป ดีใจที่เห็นคนไทยช่วยเหลือกันเต็มที่
ขอให้จับคนผิดมาลงโทษได้ในเร็ววัน
ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองทุกคน สาธุ

Photo: From Facebook


วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์นิทานการเงิน ตอน อดออม อดทน ตอนที่ 1



สวัสดี จำฉันได้ไหม ฉันชื่อบราวนี่ เป็นกระต่ายสีน้ำตาลเข้ม ที่มาของชื่อฉันคงไม่ต้องบอกแล้วเนอะ ก็เรารู้จักกันมาตั้งแต่ตอนที่แล้วนี่

เกือบเดือนแล้วที่ลุงเต่าจากไป ฉันกับแม่ไม่ได้เจอลุงเต่าอีกเลย ของขวัญของลุงเต่าฉันก็เก็บไว้ในตู้เป็นอย่างดี ใจจริงฉันอยากจะเปิดตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ แต่คุณครูเคยสอนว่า คนเราต้องรักษาคำพูด อีกอย่างถ้าลุงเต่ารู้ทีหลังคงเสียใจแย่

อีกสองสามวันฉันก็จะเปิดเทอมละนะ จะได้รู้สักทีในนั้นมีอะไร พอได้รอ ได้ลุ้นแบบนี้ตื่นเต้นมากๆเลย อีกอย่างที่ลุ้นวันนี้ฉันจะลองเปิดกระปุกความฝันนับดู ช่วงปิดเทอมแบบนี้ ฉันใช้ไม่ถึงวันละ 10 บาทด้วยซ้ำ เลยได้หยอดกระปุกความฝันเยอะหน่อย แต่ไม่รู้ว่ามันได้เท่าไหร่แล้ว ตื่นเต้นๆ

“1 บาท 2 บาท 3 บาท.....10 บาท....20....35...70... 88... 100 ... 120 ...135 บาท
โห กระปุกเดียวได้ 135 บาทเลยหรอ ฉันเก็บ 3 กระปุก เท่าๆกัน งั้นฉันก็ได้ 405 บาทสิ แบบนี้ฉันก็มีเงินไปซื้อชุดใหม่ๆได้หลายชุดเลย เพื่อนๆต้องอิจฉาฉันแน่ๆที่ฉันได้ชุดใหม่ ฉันวาดฝันอย่างมีความสุข แต่...

เฮ้! บราวนี่เธอลืมไปหรือเปล่า นี่เงินในกระปุกความฝันเธอนะ ถ้าเธอไปซื้อชุดใหม่ เธอก็ทำความฝันไม่สำเร็จสักอย่างสิ
ไม่เป็นไรหรอกบราวนี่ เธอก็เก็บใหม่ได้นี่
ไม่ได้นะบราวนี่
ต้องได้สิบราวนี่ เชื่อฉัน
ในหัวฉันมีคนคุยกันเต็มไปหมดเลย ฉันควรจะทำอย่างไรดีนะ เก็บต่อหรือซื้อชุดใหม่ดี ทำไงดีๆ


แต่ฉันจะผิดคำพูดไม่ได้ ฉันรับปากลุงเต่าไปแล้ว คุณครูบอกว่าคนไม่รักษาคำพูดจะไม่มีใครรัก เชื่อไม่ได้

อดทนไว้บราวนี่ อดทนไว้ เพื่อโทรศัพท์มือถือ เพื่อตุ๊กตาหมีพูดได้ของเธอ เพื่อเงินออมของเธอ ทนไว้

ฉันต้องบ้าแน่ๆที่พูดกับตัวเองแบบนี้
ถึงจะอยากได้แค่ไหน แต่ฉันต้องรักษาคำพูดสิ ฉันบอกลุงเต่าไปแล้วว่าจะทำตามที่ลุงเต่าบอก มันต้องสำเร็จสิบราวนี่ รออีกนิดนะ อดทนไว้นะ

โปรดติดตามตอนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ดอกแก้ว



นานมาแล้ว ครั้งดอกไม้ ใบหญ้า ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้พูดได้...

ดอกแก้ว ดอกไม้สีขาวดอกหนึ่ง เกิดท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพรรณ
ทุกวันดอกแก้วจะเฝ้ามองเพื่อนดอกไม้ดอกอื่นๆด้วยสายตาอิจฉา

"ดอกมะลิ เธอโชคดีจัง ดอกสวย กลิ่นหอม มนุษย์ก็ชอบเอาเธอไปไหว้พระ ไหว้แม่เขา ฉันน่ะอยากเป็นแบบเธอบ้างจัง" ดอกแก้วพูดกับดอกมะลิที่เกิดอยู่ใกล้ๆกัน
"เธอเองก็สวยมากเลยนะดอกแก้ว มนุษย์หลายๆคนก็ชอบดอกของเธอเช่นกัน" ดอกมะลิกล่าว
"แต่เธอหอมกว่า โชคดีกว่าฉัน" 

"ต้นคูณ ดอกของเธอเหลืองสะพรั่ง สวยจังเลย ลำต้นของเธอก็แข็งแรงทนแดดทนฝน"
"ขอบใจจ้า เธอเองก็มีดอกสีขาว สวยบริสุทธิ์ เหมือนกันจ้า" ต้นคูณพยายามบอกดอกแก้วทุกครั้งที่เธอกล่าวกับเขาเช่นนี้ แต่กระนั้น...
"แต่ลำต้นของฉันก็ไม่แข็งแรงเท่าเธออยู่ดี ฉันอยากมีลำต้นที่แข็งแรงแบบเธอ" นั่นคือสิ่งที่ดอกแก้วกล่าวตอบเขาเสมอ

ไม่ว่าจะพบเจอต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้าชนิดไหน ดอกแก้วก็คอยแต่อิจฉาเขาอยู่ร่ำไป
จนกระทั่งถึงคราที่ต้องร่วงหล่นจากต้น
แม้วาระสุดท้าย ดอกแก้วก็ยังคงคิดเสมอว่าเธอโชคร้าย ไม่มีชีวิตที่น่าอิจฉาเหมือนใครๆ


คุณล่ะคะ กำลังเป็นเหมือนดอกแก้วดอกนี้อยู่หรือเปล่า
ไม่เคยมีความสุข ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เอาแต่อิจฉา โหยหาอยากมีชีวิตแบบคนอื่นอยู่ร่ำไป

ไม่มีใครมีความสุขจากการเปรียบเทียบหรอกค่ะ คนเราต่างก็มีดีคนละอย่าง
เอาเวลาอิจฉาไปทำชีวิตตัวเองให้ดี มีความสุขในแบบที่เป็นดีกว่าไหมคะ

เวลานี้ที่คุณกำลังอิจฉา อยากมีชีวิตแบบใครๆ
อาจมีใครหลายๆคนอยากมีชีวิตแบบคุณอยู่ก็ได้...